[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 เมษายน 2567 18:21:17 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โอปปาติกะ  (อ่าน 3718 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2553 14:26:23 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/PC24008-1.jpg
โอปปาติกะ



โอปปาติก




อุป = เข้าไป ใกล้ มั่น   ปต ธาตุ   ณิ ปัจจัย ปาติก(ผู้ตกไป)ผู้เกิดผุดขึ้นหมายถึง กำเนิดหนึ่งในกำเนิด ๔ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นตัวที่
สมบรูณ์ทันทีไม่ต้องอยู่ในท้องหรือเป็นเด็กก่อนและเวลาตายร่างกายก็หายไปทันทีไม่เหลือซากศพไว้ได้แก่ พวกเปรต อสุรกาย สัตว์นรกเทวดาใน
ชั้นสูง ๆ พวกพรหม และมนุษย์สมัยต้นกัปป์





.............................อุปาทายรูป.............................




อุป = เข้าไป  อาทาย ถือเอา อาศัย   รูป(รูป)รูปที่เข้าไปอาศัยมหาภูตรูป หมายถึง รูป ๒๔ รูป นอกเหนือจากมหาภูตรูป ๔
ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามลำพังได้จะต้องอาศัยมหาภูตรูปเกิด พร้อมกัน มหาภูตรูป ๔ จึงเป็นที่อาศัยของอุปาทายรูป ๒๔ เป็นเหมือนกับ
แผ่นดินที่เป็นที่อาศัยรองรับต้นไม้หรือบ้านเรือนอุปาทายรูป ๒๔ จะเกิดไม่พร้อมกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสมุฏฐานที่เป็น
ปัจจัยให้เกิดและเกิดในกลาปไหนแต่ที่แน่นอนคืออวินิพโภครูป ๘ รูป ต้องเกิดพร้อมกันและมีอยู่เป็นพื้นฐานในกลุ่มของรูปทุกกลุ่ม

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤษภาคม 2553 14:43:11 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2553 14:31:42 »

http://i191.photobucket.com/albums/z119/bee_99/PC24008-1.jpg
โอปปาติกะ



ทันทีที่เห็นดับไปขณะต่อไปเกิดขึ้นมีสติเกิดร่วมด้วยไหมไม่สามารถจะบอกได้แม้แต่การฟังก็จะต้องมานั่งทบทวนจิตที่รับรู้อารมณ์ต่อ
จาก จักขุ วิญญาณเป็นจิตอะไรมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยเท่าไร ก็ต้องมานั่งคิดโดยไม่รู้ลักษณะของสติเพราะฉะนั้นการที่จะรู้ลักษณะของสติไม่ใช่เพียง
การจำว่าสติมีลักษณะอย่างไรเกิดกับจิตขณะไหนบ้างเพราะแม้ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถจะรู้ได้ว่าขณะนี้น่ะจิตเป็นกุศลหรือเปล่า หรือเป็นอกุศลหรือว่าเป็น
วิจารณญาณ หรือว่าเป็นกิจธุระ เพราะว่าไม่ได้รู้สภาพที่เป็นจิตเพียงแต่ได้ยินชื่อได้ยินเรื่องราวของทั้งจิตเจตสิก รูป ทั้งหมดมากมาย แต่ขณะนี้มีสิ่ง
ที่เป็นจิตจริง ๆ กำลังเห็นจริง ๆ แต่ไม่รู้ลักษณะของจิตที่เห็น  เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะแยกได้ ว่าขณะที่เห็นนั้นไม่ใช่ขณะที่กำลังเป็นจิตประเภทอื่น
เช่นความยินดี ติดข้องในสิ่งที่เห็นแค่นี้ก็ไม่รู้แล้วแล้วจะไปรู้ลักษณะของ สติ หรือเพียงแต่ไปจำว่าขณะนั้นน่ะมีสติเจริญเกิดร่วมด้วยหรือเปล่าเพราะฉะนั้น
การศึกษาธรรมต้องรู้ว่าจุดประสงค์ก็คือเราไม่เคยรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏทั้งที่กำลังปรากฏเพราะฉะนั้นการที่ฟังเพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏแต่เราก็ไม่สนใจไปสนใจเรื่อง สติ อะไร ๆ อีกเยอะแยะแต่ไม่สนใจที่จะรู้ว่าขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นและความจริงของสิ่งนี้ก็คือว่ามีอย่างนี้ว่าเมื่อไรเห็นเกิดขึ้นเมื่อไรก็ทีสิ่งนี้แหละปรากฏให้เห็นเพราะฉะนั้นฟังเพื่อให้เข้าใจถูกจนกว่าจะรู้สึกธรรมที่ปรากฏแต่เราก็ไม่ติด เรื่อง สติ เรื่องสมาธิ ลืมว่าเพื่อ
เข้าใจสิ่งที่ปรากฏ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤษภาคม 2553 14:40:34 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น: โอปปาติกะ กฏแห่งกรรม ผี อสุรกาย ธรรมมะ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.184 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กุมภาพันธ์ 2567 23:47:50