[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 20:43:39 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความกตัญญู  (อ่าน 7740 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 15:53:52 »









บุญคุณบุพการีสุดลึกล้ำ

อบรมค้ำชูบุตรจนเติบใหญ่

หากไม่เคารพพ่อ - แม่ในแดนดิน

จะเคารพใครเล่าในโลกา

ดื่มน้ำลึกต้นลำธารโปรดอย่าลืม

เคารพเทิดทูลผู้เฒ่าจิตงามดี

ชีพยังอยู่ดำรงไม่เคารพ

สิ้นชีพตักษัยใยคร่ำครวญ

ห้องโถงม้านั่งผลัดกันชม

เป็นกษัตริย์เป็นขุนนางมิยั่งยืน

กตัญญรู้คุณได้บุตรดี

ทรพี - เนรคุณได้บุตรเลว

หยดน้ำบนหลังคาทุกหยาดหยด

ทุก ๆ หยดรินหลั่งลงไม่ขาดสาย

ยากจนยังถิ่นเมืองไร้คนถาม

ร่ำรวยอยู่ป่าเขาคนถามหา

จน - รวยล้วนฟ้าลิขิต

กตัญญูพ่อแม่ซึ้งทรวงฟ้า





.......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน..........................................





ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ......................





.......................................นำโมออมีทอฝอ..............................












.........................................เริ่มดำเนินเรื่อง..............................




มีนิทานจีนอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นนิทานที่สอนถึงเรื่องความกตัญญูไว้ได้ดีมากเป็นนิทานเก่าแก่ คิดว่านำมาเล่าสู่กันฟังคงจะเป็นประโยชน์ และเป็นตัวอย่างอันดีแก่บรรดาผู้เป็นลูกทุกคนที่กำลังทิ้งพ่อแม่ในประเทศจีนที่เมืองซัวไซไถ่หงวนฮู มีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งในครอบครัวนี้มีเพียงสามคนเท่านั้นคือมี พ่อแม่และลูกชายซึ่งเติบโตเป้นหนุ่มเต็มตัวลูกชายชื่อ ฮู แซ่เอียรวมเรียกชื่อเด็กหนุ่มผู้นี้ว่า เอียฮู อยู่ต่อมาพ่อบ้านคือบิดาของ
เอียฮูตายลง ทิ้งภรรยาและลูกไว้เผชิญกับชะตาชีวิตตามลำพังสองแม่ลูกมารดาของเอียฮูเป็นคนชราอายุมากแล้วทำการงานอะไรก็ไม่ไหวครอบครัวนี้
เมื่อพ่อตายลงเอียฮู เด็กหนุ่มก็ต้องทำนาแทนพ่อต่อไปส่วนนางผู้เป็นมารดานั้นเล่าก็แก่เฒ่าทำนาไม่ไหวเสียแล้วนางจึงอยู่เฝ้าบ้านทำงานในบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปตามประสาคนแก่เอียฮูเด็กหนุ่มผู้นี้หาได้มีความกตัญญูต่อแม่ของตนไม่และการงานก็ไม่ชอบทำเอาแต่เที่ยวเตร่เฮฮามารดาว่ากล่าวไม่ได้และทำอะไรก็เอาแต่ใจตัวเองนางมีความคับแค้นใจเป็นอันมาก เพราะนางมีบุตรชายคนเดียว หวังที่จะฝากผีฝากไข้แต่ลูกชายมีความประพฤติไม่ดีการทำนาหรือก็ไม่เกิดผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยบางปีฝน แล้งข้าวในนาตายหมดบางปีฝนมากจนน้ำท่วมนาเกิดความเสียหาย นางก็ไม่ปริปากพูดอะไรให้ลูกต้องกระทบกระเทือนใจเพราะความรักลูกเอียฮูผู้ทำนา ได้ข้าวปลาไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นเขาทั้ง ๆ ที่นาก็มีถึง ๕๐ ไร่แต่ผลที่ได้รับกลับไม่พอกิน เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ได้หาเฉลียวใจไม่ว่า เป็นเพราะเหตุใดเขาคิดแต่เพียง ว่าเป็นคราวเคราะห์ไม่ดีของเราเองจึงทำให้ได้ผลไม่สมบูรณ์ หาได้คิดไม่ว่า
เป็นเพราะตัวเองขาดความกตัญญูกตเวทีต่อแม่ผู้มีพระคุณ ณ.เมืองเสฉวนได้มีพระเถระรูปหนึ่งชื่อว่า บ่อจี่ไต้ซือ เป็นผู้สำเร็จฌานอภิญญาเจริญอิทธิบาทภาวนาเป็นผู้มีอายุยืนเพราะท่านสำเร็จวิชาที่มีชื่อว่า อภิญญาคนสมัยนั้นเรียกว่า วิชาอายุวัฒนะ เอียฮูเด็กหนุ่มเมื่อได้ทราบข่าวก็อยากไปเรียน วิชาอายุวัฒนะกับท่านบ่อจี่ไต้ซือวันหนึ่งจึงเข้าไปลาแม่และเรียนให้แม่ทราบว่าตนเองจะเดินทางไปเรียนวิชาอายุวัฒนะยังเมืองเสฉวนกับพระเถระชื่อ บ่อจี่ไต้ซือมารดาจึงเตือนลูกว่าการเรียนวิชาอายุวัฒนะนั้นยากมากไม่ใช่เรียนรู้ได้ง่าย ๆ เวลานี้ แม่ก็แก่มากแล้ว ถ้าลูกเดินทางไปเมืองเสฉวนเสียแม่จะอยู่กับใคร และใครเล่าเขาจะเลี้ยงดูแม่ตามโบราณประเพณีนั้นเมื่อพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่และแก่เฒ่ามาก ๆ ลูกนั้นไม่ควรจะเดินทางไกลควรจะคอยดูแลแม่ทั้งเวลานี้บิดาของลูกก็สิ้นชีวิตไปแล้ว ตัวของลูกเองก็ไม่มีญาติพี่ น้องตัวคนเดียวเท่านั้น แม่ก็หวังจะพึ่งพิงลูกไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ถ้าลูกไปเสียแล้ว แม่จะได้ใครมาอยู่เป็นเพื่อนเล่าเมื่อนางคิดถึงบุตรก็ได้แต่นั่งร้องไห้เพียงคนเดียวสามีผู้เป็นคู่ชีวิตได้จากนางไปเสียแล้ว นางมีความว้าเหว่และทุกข์ใจมากแต่สู้อดทนเพราะความรักลูก




หมายเหตุ (:LOVE:)ขอเชิญดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบมาตามอัทยาศัย รัก

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 19:59:00 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:04:22 »







การไปของลูกครั้งนี้จะสำเร็จตามความปราถนาหรือไม่ลูกก็ยังไม่ทราบลูกไม่คิดดูบ้างตั้งแต่โบราณกาลมาผู้ที่เรียนวิชาอายุวัฒนะได้สำเร็จนั้น ก็เพราะเอาคุณธรรมคือความกตัญญูเป็นที่พึ่งจึงสามารถเรียนวิชาได้สำเร็จ แม้แต่ผู้ที่ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านก็ต้องอาศัยความกตัญญูเป็นที่ตั้ง
ลูกจะทิ้งแม่ ไปอย่างนี้ลูกไม่คิดกตัญญูบ้างหรือ นางก็ได้แต่อ้อนวอนลูกชายอย่างนี้ แต่เอียฮูผู้เป็นลูกหาได้เชื่อฟังไม่คิดจะเดินทางไปให้ได้ เสร็จแล้วก็จัดแจงเตรียมเครื่องเสบียงในการเดินทางพร้อมทั้งเงินตราสำหรับใช้จ่ายเดินออกจากบ้านไปนางผู้เป็นแม่ได้แต่นั่งมองลูกแล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาด้วยความเสียใจ พอลูกเดินทางออกจากบ้านลับตาไปเท่านั้น นางก็เป็นลมสลบแน่นิ่งไปด้วยความเสียใจ คนข้างบ้านเห็นเหตุการณ์ก็พากันมาช่วยแก้ไขจนกระทั่งนางรู้สึกตัวฟื้นขึ้นแล้วนางก็ร่ำไห้บ่นถึงลูกอยู่ร่ำไป





......................................พระเถระปลอมมาเทศน์.............................



เอียฮู เมื่อเดินทางออกจากบ้านก็มุ่งหน้าไปเมืองเสฉวนโดยมิได้ห่วงใยในมารดาเลยแม้แต่น้อยหวังจะเรียนวิชาอายุวัฒนะให้สำเร็จเพียงอย่างเดียวในขณะที่เดินทางไปนั้นได้เห็นพระเถระองค์หนึ่งนั่งเทศนาโปรดสัตว์อยู่ข้างทางเอียฮูเดินทางไปถึงที่แสดงธรรมนั้นจึงหยุดยืนฟังด้วยความสน
ใจพระเถระนั้นเทศน์ว่า เมื่อมาพิจารณาดูสัตว์โลกเราในปัจจุบันนี้แล้วรู้สึกสังเวชสลดใจ มนุษย์ในโลกปัจจุบันนี้ประกอบแต่กรรมชั่ว มีใจบาปหยาบช้ามาก ไม่รู้จักบุญคุณของมารดาบิดา ครูอาจารย์และผู้มีอุปการะคุณทอดทิ้งมารดาบิดาที่แก่เฒ่าแล้วบุคคลเหล่า นี้จะหาความเป็นสิริมงคลได้แต่ที่ไหน มีแต่อัปมงคลคิดแต่อาฆาตมาดร้ายต่อกันไม่มีจิตเมตตาต่อกันและกันเป็นผู้หญิงก็คิดแต่จะแต่งตัวเที่ยวเตร่ดูมหรสพ การบ้านการเรือนก็ไม่เอาใจใส่
บ้านช่องปล่อยสกปรกรกรุงรังเอาแต่แต่งตัวอวดกันว่าฉันมีมากกว่าเธอ เธอมีน้อยกว่าฉันของฉันดีกว่าของเธอ ช่วยกันล้างผลาญทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่หาไว้ให้พ่อแม่สร้างหลักทรัพย์เอาไว้ให้แล้วก็ไม่รู้จักรักษาให้ดี ครั้นสิ้นบุญของพ่อแม่ลูก ๆ ก็แย่งทรัพย์มรดกกัน ถึงกับต้องฟ้องร้องกันทางศาลเป็นความกันจนกระทั่งทรัพย์สมบัติเหล่านั้นต้องตกเป็นของผู้อื่น ๆ จนหมดสิ้น พี่น้องต้องแตกแยกความสามัคคีกันเพราะแย่งสมบัติกันเขามิเคยได้คิดเลยว่า เมื่อตายไปแล้วทรัพย์สมบัติเหล่านั้นก็นำเอาไปด้วยไม่ได้ต้องทอดทิ้งไว้เป็นสมบัติประจำโลกที่คนเหล่านั้นไม่มีความอารีต่อกันคิดประทุษร้ายต่อกันในขณะที่ยังไม่ประสบต่อความพิบัตินั้นก็เพราะบุญแต่ถึงกระนั้นความพิบัติเหล่านี้ก็จักปรากฏในวันใดวันหนึ่งแน่นอนซึ่งมี หลักฐานให้เห็นอยู่มากมาย บางครอบครัวนั้นพ่อแม่ร่ำรวยสร้างหลักทรัพย์ไว้ให้แก่ลูกหลานมาก ครั้นคนเหล่านั้นตายลงในไม่ช้าลูกหลานต้องตกระกำลำบากลูกหลานเหล่านั้นไม่มีปัญญาสามารถรักษาทรัพย์สมบัติไว้ได้อีกอย่าง หนึ่งคือความเป็นผู้ไม่ประพฤติปฏิบัติธรรมในข้อกตัญญูกตเวทิตา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:38:40 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:13:36 »






คำปริศนาของพระเถระเอียฮูเมื่อได้ฟังก็เกิดความสนใจเลื่อมใสในคำสอนของพระเถระนั้นเมื่อเทศน์จบลง เอียฮูจึงเข้าไปกราบที่เท้าแล้วถามพระเถระว่าพระคุณเจ้าเดินทางมาจากไหน ?พระเถระก็ตอบว่า เรามาเมื่อน้ำจืด เอียฮู ก็ถามต่อไปว่าแล้วพระคุณเจ้าจะเดินทางต่อไปที่ไหนอีก
พระเถระตอบว่า เราไปแล้วไม่มีใจ เอียฮู จึงถามต่อไปด้วยความสนใจว่า พระคุณเจ้าอายุพรรษาเท่าไรแล้วพระเถระตอบว่าเราเรียนวิชาอายุวัฒนะได้สำเร็จแล้วอายุของเราจึงประมาณไม่ได้ว่าเท่าไรเอียฮู จึงถามว่า พระคุณเจ้ามีอายุยืนเพื่อที่จะคอยใครหรือ ?
พระเถระจึงตอบว่าเรามีอายุยืนเพื่อที่จะคอยคนที่ไม่มีความรู้สึกตัวว่าชั่วเอียฮูได้ฟังเช่นนั้นก็สงสัย เอ ! ท่านสมณะรูปนี้พูดเป็นปริศนาชอบกลอยู่
แล้วจึงถามพระเถระต่อไปว่าก็ท่านเรียนวิชาอายุวัฒนะสำเร็จแล้ว ท่านรู้จักพระเถระที่ชื่อบ่อจี่ไต้ซือที่เมืองเสฉวนหรือไม่พระเถระย้อนถามว่าเธอถามถึงท่านสมณะบ่อจี่ไต้ซือทำไม เอียฮู ตอบว่ากระผมประสงค์จะเดินทางไปศึกษาวิชาอายุวัฒนะกับท่านบ่อจี่ไต้ซือพระเถระตอบว่าการที่จะเรียนวิชาอายุวัฒนะได้สำเร็จนั้น ต้องเรียนโดยตรงกับพระพุทธเจ้าเธอไม่ต้องเดินทางไปยังเสฉวนให้เหนื่อยดอกเอียฮูจึงพูดกับพระเถระว่าบัดนี้พระพุทธเจ้าท่านก็เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วทำอย่างไรเราจึงจะพบท่านได้เล่าพระเถระจึงบอกว่าการที่จะพบพระอรหันต์นั่นไม่ยากดอกเธอจงเดินกลับไปบ้านของเธอเถิดท่านที่ใส่เสื้อกลับใส่รองเท้ากลับนั่นแหละ คือพระอรหันต์ของเธอเธอจง อย่าลืมคำที่เราบอกนะเอียฮู ได้ยินพระเถระพูดเป็นอัศจรรย์เช่นนั้น จึงหันหน้ากลับเพื่อเอาของที่สะพายไปวางไว้ เพื่อที่จะได้ซักไซ้ให้แน่นอนจะแจ้งลงไป เมื่อวางของลงแล้วก็หันหน้ากลับมาเพื่อสนทนากับพระเถระ แต่ปรากฏว่าพระเถระหายตัวไปเสียแล้วเอียฮูจึงคิดว่าพระเถระองค์นี้จะต้องเป็นผู้วิเศษสำเร็จวิชาชั้นสูงคืออภิญญาเป็นแน่แล้วอย่ากระนั้นเลยเราจะรีบเดินทางกลับบ้านดีกว่าจึงจัดแจงยกเสบียงกรังขึ้นสะพายแล้วหันหน้าเดินทางกลับมาทางเก่าในระหว่างเดินทางกลับบ้าน ก็คิดถึงคำของพระเถระรูปนั้นอยู่เสมอจนกระทั่ง
ถึงบ้านเวลานั้นเป็นเวลาดึกมากผู้คนหลับนอนหมดแล้ว พอถึงหน้าบ้านจึงเคาะประตูเรียก แม่.....แม่.....จ๋า.....แม่.....เปิดประตูรับลูกด้วยมารดาของเอียฮู เมื่อลูกเดินทางออกจากบ้าน นางก็เฝ้าแต่คิดถึงลูก ห่วงใยลูก
กินไม่ได้นอนไม่หลับร่างกายผ่ายผอมลง เมื่อนางได้ยินเสียงใครมาเรียกแม่ แม่จ๋า แม่ ที่ประตู ฟังคล้ายเสียงลูกมาร้องเรียกนางก็ยังไม่เชื่อหูคิดว่าคงเพราะความผูกพันในลูก จึงทำให้ได้ยินเสียงลูกมาเรียกแต่เสียงเรียก แม่.....แม่จ๋า.....แม่ ก็ยังดังอยู่นางจึงคิดว่าเราไม่ได้ฝันไปนี่
เรายังไม่หลับ เสียงลูกมาร้องเรียกให้เปิดประตูนางก็ดีใจว่าลูกกลับมาแล้ว ด้วยความรีบร้อนจึงหยิบเสื้อมาสวมใส่ หยิบร้องเท้ามาใส่โดยมิได้พิจารณาดูเสียก่อน จึงใส่กลับกันหมดรีบกระวี กระวาดไปถอดกลอน พอเปิดประตูก็พบว่าเอียฮูลูกรักของนางนั้นเองนางดีใจ จนพูดไม่ออกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:39:24 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:23:16 »






เอียฮู เมื่อเห็นแม่ใส่เสื้อกลับใส่รองเท้ากลับตรงตามที่สมณะบอกไว้ว่าผู้ที่ใส่ เสื้อกลับ ใส่รองเท้ากลับนั้นแหละ เป็นพระอรหันต์ของเธอ เอียฮูเกิด ความสำนึกผิด ก้มลงกราบที่เท้าของผู้ที่เป็นมารดาแล้วหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจในการกระทำของตนแล้วขอโทษต่อผู้เป็นมารดาที่ตนได้ทอดทิ้งไปว่าต่อแต่นี้ไปตนจะประพฤติตนเป็นลูกที่ดีของแม่ตลอดไปจะไม่ทอดทิ้งแม่อีกแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกมารดาจึงถามว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือลูกจึงได้ร้องห่มร้องไห้อย่างนี้เอียฮูเงย หน้าขึ้นมองหน้าผู้บังเกิดเกล้าด้วยน้ำตานองหน้าแล้วเล่าให้แม่ฟังว่าในระหว่างที่เดินทางไปเมืองเสฉวนนั้นได้พบพระเถระที่แสดงธรรมอบรมพุทธบริษัทอยู่ตนจึงเข้าไป หยุดฟังและเกิดความเลื่อมใสจนกระทั่งพระเถระให้ลูกเดินทางกลับบ้านแล้วจะพบพระอรหันต์ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ของลูกก็คือ ผู้ที่ใส่เสื้อกลับ รองเท้ากลับบัดนี้ลูกได้พบพระอรหันต์ในดวงใจของลูกแล้วต่อจากนี้ไป
ลูกจะบูชาพระอรหันต์ของลูกตลอดชีวิตนางจึงก้มหน้าดูตัวของนางก็รู้ว่าได้ใส่เสื้อกลับ รองเท้ากลับ ผู้เป็นมารดาจึงพูด ปลอบใจลูกว่า ดีแล้วลูกรักอย่าเสียใจไปเลยแม่อภัยให้ลูกทุกอย่างขอให้ลูกจงตั้งมั่นไว้ใน กตัญญูเถิดแล้วลูกของแม่จะมีแต่ความเจริญ
รุ่งเรืองเพราะคุณธรรมข้อนี้เป็นสิริมงคลแก่ ผู้ปฏิบัติมากผลแห่งความกตัญญูตั้งแต่นั้นมา เอียฮูจึงตั้งหน้าทำนาด้วยความขยันขันแข็งโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ดูแลปรนนิบัติแม่มิให้เดือดร้อนใจให้อยู่อย่างสุขสบาย ปรากฏว่าข้าวกล้าในนาปีนั้นอุดมสมบูรณ์อย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งเดิมทีเดียว เอียฮูทำนา ๕๐ไร่ได้ผลเกือบไม่พอกิน พอใช้ ต่อมามารดาของเอียฮูก็ล้มเจ็บลงอย่างหนักเอียฮูเที่ยว ตามหาหมอมารักษา จนสุดความสามารถแต่ก็ไม่สามารถจะรักษาหญิงชราผู้เป็น มารดาของตนให้หายได้ผลสุดท้ายเวลาแห่งความวิปโยคก็มาถึงนางลืมตามองดูบุตรครั้งสุดท้าย
แล้วพูดขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า ลูกรักของแม่เจ้าจงตั้งมั่นในความกตัญญูกตเวทีตลอดไปเถิด แล้วเจ้าจะเจริญจงจำคำของแม่ไว้แม่ลาก่อนนะ และแล้วดวงวิญญาณของแม่ก็จากไปด้วยความสงบเอียฮู เด็กหนุ่มซึ่งเฝ้าพยาบาลแม่อยู่อย่างใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วงเมื่อได้ยินเสียงสั่งลาของแม่และเห็นแม่สงบแน่นิ่งไปเช่นนั้นก็ตกใจเขย่ากายร้องเรียกแม่.....แม่จ๋า.....แม่ แม่เป็นอะไรไป แม่ ! ถึงจะเขย่าเท่าไรร่างของหญิงชราผู้บังเกิดเกล้าก็หาได้ไหวติงไม่คงนอนสงบแน่นิ่งอยู่ตามเดิม เอียฮูเอาสำลีไปวางไว้ที่ปลายจมูกเพื่อจะดูว่าลมหายใจของผู้เป็นมารดายังมีอยู่หรือไม่สำลีไม่ไหวติงเด็กหนุ่มฟุบหน้าลงบนทรวงอกของบังเกิดเกล้าที่ตน เคยซบมาเมื่อตอนเยาว์และทอดทิ้งเหินห่างจากทรวงอกของแม่ที่เคยให้ความอบอุ่นมาเป็นเวลาช้านานคร่ำครวญร้องเรียกหาแม่ให้กลับคืนมาได้เอียฮูเพ้อรำพันว่าแม่มีพระคุณต่อลูกเหลือเกินแม่ได้ให้กำเนิดและเลี้ยงลูกให้มีชีวิตมาจนเติบใหญ่ลูกหาได้คิดถึงคุณของแม่ไม่ลูกผิดไปแล้วที่ลูกไม่มีความกตัญญูต่อแม่แต่เมื่อลูกนึกถึงคุณของแม่ลูกมีความสำนึกผิดคิดกลับตัวใหม่ตั้งต้นเป็นลูกที่ดีของแม่คิดว่าจะเลี้ยงดูแลแม่ให้มีความสุขสบายให้มากกว่าที่แม่จะต้องเป็นทุกข์เฝ้าห่วงใยในตัวลูก แต่ลูกมีบุญน้อยแม่ต้องมาด่วนจากลูกไปเสียก่อนที่จะชดใช้หนี้พระคุณของแม่ได้ โธ่.....แม่จ๋า ชาติหน้าขอให้ลูกเกิดเป็นลูกของแม่อีกและขอให้ลูกจงอย่าเป็นลูกชั่วช้าเหมือนชาตินี้เลยเอียฮูเด็กหนุ่มคร่ำครวญด้วย ความทุกข์โศกอย่างแสนสาหัสจนกระทั้งเป็นลมสลบแน่นิ่งไปดุจดั่งเมื่อตอน ที่ตนหนีแม่ออกจ ากบ้านทำให้แม่ต้องเสียใจร้องไห้จนสลบไปในครั้งนั้นนี่แหละกรรมย่อมสนองแก่ผู้กระทำเสมอจะช้าหรือเร็วเท่านั้นชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็พากันมาช่วยแก้ไขจนเอียฮูฟื้นคืนความรู้สึกขึ้นมาอีกวาระหนึ่ง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:40:10 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:31:11 »






เมื่อเอียฮูฟื้นขึ้นมาแล้วก็ร้องไห้คร่ำครวญถึงแม่อยู่ต่อไปชาวบ้านก็พากันมาช่วยปลอบใจจนกระทั่งเอียฮูคลายความเศร้าโศกลงบ้างจึงจัดแจงปลงศพ มารดาแล้วนำไปฝังตามธรรมเนียมประเพณีต่อไปเอียฮูไปเยี่ยมมารดาที่หลุมฝังศพเป็นประจำทุกวันถึงมารดาจะตายไปแล้วหลายวันแต่เขาก็หาได้คลายความเศร้าโศกลงไปได้ไม่อยู่มาวันหนึ่งบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมีงิ้วอันเป็นมหรสพประจำปีเอียฮูจึงคิดที่จะไปดูงิ้วให้หายคลายทุกข์ไปชั่วขณะหนึ่ง จึงเดินทางออกจากบ้านไปดูงิ้ว เผอิญงิ้วคืนนั้นก็แสดงถึงเรื่องลูกที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ในเนื้อเรื่องนั้นมีอยู่ตอนหนึ่งที่
ลูกผู้ตั้งมั่นในความกตัญญู เมื่อแม่ตายแล้วก็เอาไม้มาแกะเป็นรูปแม่เอาไปตั้งไว้บนหิ้งบูชาเซ่นไหว้เป็นประจำสาเหตุที่เอาไม้มาแกะเป็นรูปแม่ไว้บูชานี้มีอยู่ว่า เด็กหนุ่มผู้นี้มีอาชีพเลี้ยงแกะเช้าขึ้นก็ไล่แกะไปกลางทุ่งเย็นลงก็ไล่แกะกลับบ้านเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นคนโหดร้ายมากไม่มีความเคารพบิดามารดาของตน เป็นคนอกตัญญูอยู่ต่อมาพ่อก็ตายลง ทิ้งให้ผู้เป็นแม่อยู่กับตนสองคนเท่านั้นถ้าวันใดมารดาหุงหาอาหารไปส่งกลางทุ่งช้าไปก็เกิดโทสะดุด่าว่าผู้เป็นมารดาต่าง ๆ นานาบางครั้งก็ตบตีแม่ผู้แก่เฒ่านั้นอย่างไม่ปราณีเด็กหนุ่มผู้นี้ประพฤติตนอย่างนี้เป็นอาจิณผู้เป็นแม่ก็ร้องห่มร้องไห้เป็นประจำอยู่เสมอจะว่ากล่าวสั่งสอนลูกก็ไม่ได้ลูกก็ใช้กำลังตบตีเอาอยู่มาวันหนึ่ง ในขณะที่หนุ่มผู้นี้ไล่แกะไปเลี้ยงกลางทุ่งนาเมื่อฝูงแกะกำลังเล็มหญ้าอยู่ด้วยความร้อนจึงหลบมานั่งในร่มไม้ใกล้ฝูงแกะนั้นได้มีแกะแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่งกำลังให้ลูกกินนม ลูกแกะตัวนั้นกำลังคุกเข่าลงดูดนมด้วยความเคารพเด็กหนุ่มผู้นี้ก็นั่งดูแกะแม่ลูกสองตัวนั้นด้วยความสนใจจนนั่งคิดเรื่อยเปื่อยไปว่าลูกแกะในระยะที่ยังเล็กอยู่นั้นต้องอาศัยนมของแม่แกะกิน เป็นอาหารจึงเติบโตขึ้นมาได้และลูกก็กินนมแม่ของมันด้วยความเคารพแม่แกะก็เอาลิ้นเลียขนของลูกของมันด้วยความรักความเอ็นดูเด็กหนุ่มผู้นั้นก็นึกย้อนมาถึงตัวเองว่าเราเมื่อตอนเป็นเด็กก็คงจะ
ต้องกินนมแม่มาอย่างนี้แม่ก็คงจะรักเราเอ็นดูเราเหมือนแม่แกะตัวนี้เป็นแน่แต่ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กนั้นเราดูดนมแม่อย่างนี้หรือเปล่าก็ทราบไม่ได้
ทราบแต่ว่าเดี๋ยวนี้ถ้าวันใดแม่หุงหาอาหารมาส่งเราช้าไป หรือรสอาหารไม่ถูกปากเราเราก็ด่าว่าแม่ตบตีแม่ ถ้าทำอย่างนี้ไม่ถูกนี่เราเป็นมนุษย์แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน มันก็ยังมีความเคารพแม่บังเกิดเกล้าของมันเราเป็นมนุษย์แท้ ๆ ไม่เคารพในมารดาเมื่อคิดไปถึงการกระทำอันโหดร้ายของตนต่อมารดาผู้บังเกิดเกล้านั้นจึงเกิดสำนึกผิดขึ้นมาสงสารมารดาผู้แก่เฒ่าต้องลำบากยากเข็ญเพราะตนผู้เป็นลูกแทนที่จะเลี้ยงดูท่านให้ท่านสบายแต่ก็ต้องทรมานให้ลำบากต้องหุงอาหารให้แก่ตนแต่เช้าตรู่ เมื่อหุงเสร็จแล้วยังต้องหิ้วมาส่งกลางทุ่งอีกด้วยระยะทางไกล ๆ เมื่อนั่งคิดไปน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความสำนึกผิด จึงคิดว่า วันนี้เราจะไปเอาอาหารที่บ้านมารับประทานเองไม่ให้ลำบากขณะนั้นได้เวลาพอดีที่หญิงชราจะต้องนำอาหารมาส่งลูกชายเด็กหนุ่มผู้นี้ก็เหลียวไปดูต้นทางเห็นแม่เดินลัดทุ่งมาด้วยความรีบร้อนจึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาแม่อย่างรวดเร็วเพื่อไปรับอาหารจากแม่


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:40:46 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:32:15 »






ในขณะที่วิ่งไปนั้นหญิงชราผู้เป็นแม่เห็นลูกชายวิ่งมาฝุ่นตลบอย่างไม่คิดชีวิตอย่างนั้นก็ตกใจกลัวตัวสั่นคิดว่าตายแน่แล้ววันนี้ลูกคงตีเราตายแน่ดูซิลูกวิ่งมาด้วยความโกรธลูกคงจะหิวนางจึงหยุดเดินคิดด้วยความลังเลใจว่าจะทำอย่างไรดีจะไม่วิ่งหนีหรือ ลูกก็จะตีเอาด้วยแผ่นกระดานที่ถือ อยู่เป็นประจำเมื่อปล่อยให้ลูกตีลูกก็จะบาปหนักความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นนางพอทนได้เพราะความรักลูกสงสารลูกนางทนได้ทุกอย่างนางคิดเช่นนั้นจึงตัดสินใจว่าวิ่งหนีดีกว่าแต่จะวิ่งเร็วก็ไม่ได้เกรงว่าอาหารจะหกลูกจะไม่ได้รับประทานเมื่อเด็กหนุ่มเห็นแม่กลับหลังวิ่งหนีเพราะความเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ตะโกนไปว่า แม่อย่าหนีแต่เสียงที่ตะโกนไปนั้นเหมือนกับไปยุให้แม่ต้องวิ่งเร็วยิ่งขึ้น ด้วยคิดว่าตายแน่แล้ววันนี้ ลูกคงจะหิวมากจึงโกรธแม่มากมายเพียงนี้นางวิ่งไปน้ำตาก็ไหลรินออกมาด้วยความระทมทุกข์ คิดไปว่านางช่างมีกรรมเหลือเกินมีลูกชายคนหนึ่งหวังจะพึ่งพาอาศัยด้วยความสุขเมื่อแก่เฒ่าก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้นางต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานทุกวัน ก็พอดีเบื้องหน้าของนางนั้นมีสระใหญ่ขวางหน้าอยู่นางจึงตัดสินใจว่ากระโดดน้ำตายดีกว่าอยู่ต่อไปก็เป็นทุกข์ลูกจะต้องรับบาปกรรมมากขึ้นเพราะนางเป็นแม่ก็พอดีนางวิ่งไปถึงขอบสระจึงเอาหม้อใส่อาหารวางลงแล้วบอกลูกว่าให้กินข้าวเสีย แม่ลาละ แล้วนางก็ทำท่าจะกระโดดลงน้ำลูกก็ตะโกนไปว่าแม่อย่ากระโดด แม่อย่ากระโดดแต่สายไปเสียแล้วร่างของนางผู้เป็นแม่ลอยลง
สู่กลางสระใหญ่จมหายไปใต้น้ำเด็กหนุ่มเมื่อมาถึงก็กระโดดตามลงไปหวังจะช่วยชีวิตแม่แต่ก็สายไปเสียแล้วร่างของผู้เป็นแม่จมหายไปอย่างน่าอัศจรรย์งมเท่าไร ๆ ก็ไม่พบแม่จึงขึ้นมานั่งร้องไห้ที่ขอบสระจนกระทั่งดวงตะวันจะลับขอบฟ้าเด็กหนุ่มจึงเอาแผ่นกระดานที่เคยตีแม่อยู่เสมอ ๆ นั้นมาแกะเป็นรูปแม่และสถานที่ตายเวลาตายแล้วเอาไปบูชาที่บ้านด้วยความระลึกถึงคุณของผู้บังเกิดเกล้าเอียฮู จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าอันโบราณประเพณีนั้นเขาตั้งมั่นในความกตัญญูกตเวทีอย่างมั่นคงเขาจึงมีความสุขความเจริญอย่ากระนั้นเลยเราควรจะไปหาซื้อคนชราที่อนาถาไร้ญาติขาดมิตรที่มีรูปร่างเหมือนแม่เอามาเป็นแม่ของเราเราจะได้มีโอกาสปรนนิบัติแม่ได้อย่างเต็มที่เราจะเลี้ยงให้เหมือนมารดาของเราหาซื้อแม่เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็กลับบ้านรวบรวมทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ออกเดินทางตระเวณไปตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วสอดส่องดูว่าใครมีรูปร่างเหมือนแม่บ้างเดินทางไปหลายหัวเมืองแต่ก็ไม่พบจนกระทั่งเงินทองที่นำติดตัวไปนั้นหมดก็ยังไม่พบผู้ที่มีรูปร่างเหมือนแม่เขาเกิดความท้อแท้ใจครั้นจะเดินทางกลับบ้านเดิมเงินทองก็หมดเสียแล้ว ไม่มีเสบียงสำหรับเดินทางเอียฮู จึงต้องลงทุนด้วยการขอทานเลี้ยงชีวิตในต่างเมืองแล้วก็เก็บหอมรอมริบจนกระทั่งได้เงินทองพอเป็นค่าเดินทางเขาก็เดินทางกลับบ้านด้วยการขอทานมาตามลำดับจนกระทั่งบรรลุถึงบ้านของตนเขาก็ไม่พบบุคคลที่มีรูปร่างเหมือนแม่เอียฮูอุตส่าห์เดินทางไปตามหัวเมืองต่าง ๆ หลายหัวเมืองเพื่อหาซื้อคนมาเป็นแม่แต่ก็ไม่พบ เอียฮูเศร้าโศกคิดถึงแม่อยู่เสมอจนร่างกายฝ่ายผอมซูบซีดไปมาก



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:41:36 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:33:48 »







อยู่มาวันหนึ่งเอียฮู นั่งอยู่หน้าบ้านคอยเฝ้าดูผู้คนที่เดินทางไปมาว่ามีใครเหมือนกับแม่เราบ้างก็พอดีเหลียวไปเห็นหญิงชรามาขอทานมีรูปร่างเหมือน แม่เหลือเกินเอียฮูดีใจจึงรีบลุกขึ้นไปหาแล้วโค้งตามธรรมเนียมจีนแล้วร้องเรียกว่าแม่จ๋าลูกเที่ยวหาแม่มาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ๆ แล้วจนกระทั่งทรัพย์สินเงินทองที่ติดตัวไปหมด ครั้งนี้เป็นบุญของลูกที่แม่อุตส่าห์เดินทางมาหาลูกถึงบ้านว่าแล้วก็ก้มลงกอดเท้าคนชรานั้นไว้แน่นเหมือนกับเกรงว่านางจะเดินหนีไหนหญิงชราผู้ขอทานจึงทำหน้าฉงนด้วยความแปลกใจว่านี่อะไรกันเรามิใช่เป็นมารดาของเจ้าจะมาเรียกเราเป็นแม่นั้นไม่ถูกธรรมเนียมเอียฮูจึงได้เล่าให้หญิงชราขอทานนั้นได้ทราบว่า ตนได้สูญเสียแม่ไปตั้งแต่ต้นจนกระทั่งเที่ยวตามหาซื้อแม่มาเพื่อเป็นแม่ตั้งแต่ต้นจนจบลูกเที่ยว หาแม่มาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้วเอียฮูอ้อนวอนหญิงชราขอทานนั้นให้มาอยู่เป็นแม่ของตนหญิงชราบอกว่า เราอยู่คนเดียวเที่ยวขอทานก็พอกินพอใช้เราไม่
อยากเป็นแม่ใครเราอยู่คนเดียวอย่างนี้มีความสุขกว่าทั้งเราก็เป็นคนมีโทสะมากเราอยู่กับใครไม่ได้ดอกเอียฮู ก็เฝ้าอ้อนวอนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหญิงชราใจอ่อนหญิงชราจึงถามว่าเธอจะให้เราเป็นแม่ของเธอนั้น เธอจะต้องปฏิบัติตนต่อผู้ที่เป็นแม่ขอ เธออย่างไรจงเล่าให้เราฟังก่อนถ้าเราพอใจก็จะอยู่เป็นแม่ของเธอเอียฮูก็บอกว่าถ้าคุณแม่ยินดีมาอยู่กับลูกลูกจะมีความยินดีมากลูกจะปรนนิบัติคุณแม่ดุจดังมารดาผู้บังเกิดเกล้าของลูกการสิ่งใดก็จะมิให้คุณแม่ต้องร้อนใจหญิงชราจึงว่าการอย่างนี่เป็นธรรมเนียมอยู่แล้วที่ผู้เป็นลูกทุกคนจะต้องปฏิบัติเช่นนั้นเงื่อนไขของผู้ที่จะรับเป็นแม่แล้วหญิงชราก็ถามว่า ตามธรรมดาคนแก่นั้น เมื่อถึงฤดูหนาวเธอจะปฏิบัติ ต่อคุณแม่ของเธออย่างไรเอียฮูจึงตอบว่าเมื่อถึงฤดูหนาวลูกก็จะหาผ้านวมมาให้คุณแม่ห่มให้อบอุ่น และก่อไฟให้คุณแม่ผิงเวลาคุณแม่จะนอนที่นอนนั้นเย็นลูกก็จะขึ้นนอนก่อนเพื่อให้ที่นอนอบอุ่นแล้วจึงเชิญให้คุณแม่ขึ้นนอนต่อไป
เสร็จแล้วก็จะห่มผ้าให้คุณแม่ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดไม่ให้ลมเข้าได้คุณแม่จึงจะไม่หนาวหญิงชราพูดว่าหน้าหนาวเธอก็ปฏิบัติดีแล้วแต่ว่าเมื่อถึงฤดู
ร้อนเธอจะปฏิบัติต่อคุณแม่ของเธออย่างไรเอียฮูจึงตอบว่า เมื่อถึงฤดูร้อนลูกก็จะนั่งพัดลมให้มิให้คุณแม่ร้อน แล้วหาผ้าแพรมาให้คุณแม่นุ่งห่ม เมื่อวันหนึ่งก็เปลี่ยนใหม่ทีหนึ่งแล้วลูกก็นำไปซักน้ำให้สะอาดตากแดดให้แห้งพอถึงเวลาเย็นลูกก็เอาน้ำมาให้คุณแม่ชำระกายแล้วเชิญคุณแม่ไปนั่งเล่นในที่เย็น ๆ ลมพัดผ่านแล้วลูกก็เข้าไปในห้องนอนของคุณแม่ปัดกวาดที่นอนให้เรียบร้อยแล้วก็ปูผ้านอนเสร็จ แล้วลูกก็มาเชิญให้คุณแม่เข้านอนในระหว่างที่คุณแม่เข้านอนลูกก็จะคอยพัดโบกมิให้คุณแม่ร้อนจนกว่าคุณแม่หลับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:42:21 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:49:54 »







หญิงชราพูดว่า การปฏิบัติต่อคุณแม่ของเธอเมื่อตอนตายก็ดีแล้วและดีทุกอย่างตั้งแต่ต้นมาไม่บกพร่องแต่การที่เธอจะมารับเรามาเป็น
คุณแม่ ของเธอนั้นเธอจะต้องเชื่อฟังคุณแม่และตามใจคุณแม่ทุกอย่างทั้งต้องเชื่อถ้อยคำของคุณแม่ถ้าเธอปฏิบัติได้เราจะอยู่กับเธอถ้าเธอไม่ปฏิบัติตามนี้เราก็จะไม่อยู่เป็นแม่เธอต่อไปเธอจะรับได้หรือไม่ได้เอียฮูดีใจรับปฏิบัติตามทุกอย่างแล้วก็รับเอาหญิงชราขอทานนั้นมาเลี้ยงเป็นแม่ของตนเอีย
ฮูปฏิบัติตามคำพูดที่ให้ไว้แก่หญิงชราทุกอย่างโดยไม่บกพร่องเหมือนกับมารดาบังเกิดเกล้าของตนก่อนที่เขาจะทำอะไรเอียฮูจะต้องมาปรึกษากับคุณแม่ทุกครั้งไม่ทำไปโดยพลการอยู่ต่อมาถึงฤดูทำนา เอียฮูก็ไปปรึกษากับคุณแม่ว่าแม่จ๋า ถึงฤดูทำนาแล้วนะชาวบ้านเขาลงมือทำนากันแล้วเพราะฝนก็ตกลงมาแผ่นดินนองไปด้วยน้ำฝน สะดวกแก่การเพาะปลุกเราควรจะลงมือทำนาหรือยังหญิงชราผู้เป็นมารดาก็ห้ามลูกว่าอย่าเพิ่งลงมือทำนาในเดือน
นี้เลยลูกเราไปลงมือทำเอาเดือนเจ็ดเถอะใครเขาจะทำก็ให้เขาทำไปก่อนเอียฮูก็ปฏิบัติตามคำของแม่ทุกประการปรากฏว่าชาวนาที่ลงมือทำที่เดือนหกนั้นพอข้าวกล้าในนางอกฝนก็แล้งทำให้ต้นข้าวเหี่ยวแห้งตายไปหมดพอถึงเดือนเจ็ดฝนตกเอียฮูก็ลงมือทำ เมื่อหว่านข้าวลงไปแล้วฝนก็ตกมาอยู
่เสมอข้าวกล้าในนาก็เกิดผลเต็มที่มากกว่าปีก่อน ๆ ทั้งปีนั้นข้าวในนาของเอียฮูยังออกรวงแปลกอีกด้วยคือ ต้นหนึ่งมีสองรวงสมัยนั้นเป็นสมัยที่พระเจ้าซ่งเจ็งได้ขึ้นเสวยราชย์ใหม่ ๆ พระองค์จึงตรึกตรองในพระหฤทัยประสงค์จะทอดพระเนตรชมของที่แปลกประหลาดที่มีอยู่ในพระราชอาณาจักรว่าถ้าบ้านใดมีของแปลกประหลาด ขอให้ทูลเกล้าถวายทอดพระเนตร มารดาของเอียฮูจึงเรียกเอียฮูมาบอกว่าบ้านเราปีนี้ปลูกข้าวออกต้นละสองรวงไปทูลเกล้าถวายให้พระเจ้าซ่งเจ็งทอดพระเนตรเถิดเอียฮูก็เชื่อแม่ นำข้าวสองรวงขึ้นทูลเกล้าถวายพระเจ้าซ่งเจ็งเมื่อพระองค์ได้ทอดพระเนตรแล้วก็เห็นเป็นอัศจรรย์และมีความพอพระทัยมากจึงตรัสถามขุนนางทั้งหลายว่า ข้าวสองรวงนี้จะดีหรือไม่ขุนนางทั้งหลายจึงกราบทูลว่าอันต้นข้าวที่ออกเป็นสอง
รวงนี้เป็นชัยมงคลมากบ้านเมือง และไพร่ฟ้าประชาราษฎร์จะอยู่เย็นเป็นสุขเมื่อขุนนางทั้งหลายกราบทูลเช่นนั้นพระเจ้าซ่งเจ็งก็หันพระพักตร์ไปถาม
เอียฮูผู้เป็นเจ้าของว่าเธอได้ประพฤติธรรมอันประเสริฐอย่างไรหรือข้าวในนาจึงได้สมบูรณ์ออกเป็นสองรวงเป็นของแปลกประหลาดอย่างนี้เอียฮูจึง
กราบทูลเล่าเรื่องแห่งความจริงที่ตนปฏิบัติอยู่ว่าตนเองเป็นผู้ตั้งมั่นในกตัญญูต่อพ่อแม่ครั้นต่อมาแม่ตายลงตนก็ไปหาซื้อคนมาเป็นแม่ให้ทรงทราบ
ทุกประการ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:43:05 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:50:31 »






พระเจ้าซ่งเจ็งมีพระทัยยินดีมากจึงตรัสว่าคนที่มีความกตัญญูนี้ถ้าแต่งตั้งให้เป็นขุนนางคงจะซื่อสัตย์สุจริตยุติธรรมพระเจ้าซ่งเจ็งจึงทรงแต่งตั้งให้เอียฮูเป็นขุนนางชั้น ฮั่นหลิม คือขุนนางฝ่ายพลเรือนแล้วประทานข้าวของเงินทองเป็นจำนวนมากเมื่อเอียฮูได้รับพระราชทานเรียบร้อยแล้วก็ทูลลาเดินทางกลับบ้านด้วยความดีใจและจะนำข่าวดีนี้ ไปบอกให้แม่ทราบด้วยแต่อนิจจาเมื่อเอียฮูเดินทางมาถึงบ้าน เปิดประตูเข้าบ้านไปแล้วร้อง
เรียกหาแม่แต่ก็ไม่มีเสียงขานรับ เอียฮูก็เที่ยวค้นหาแม่จนทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาครั้นไปถามคนข้างเคียงว่ามีใครเห็นแม่บ้างคนข้างบ้านก็ปฏิเสธว่าไม่เห็นเอียฮูเมื่อค้นหาแม่ไม่พบก็เสียใจร้องไห้โศกเศร้าถึงมารดาและนึกเสียใจว่าเราคงจะกระทำผิดให้คุณแม่ต้องเสียใจแล้วหนีเราไปแม่ไปแห่งหนตำบลใดเราก็ไม่ทราบอย่ากระนั้นเลยเราจะต้องออกเดินทางตามหาแม่ให้พบจงได้เอียฮูก็เก็บข้าวของเงินทองใส่ถุงเรียบร้อยแล้วก็เดินทางออกจากบ้านแต่พอโผล่ออกจากประตูก็พบพระเถระองค์หนึ่งมีรูปร่างสง่างามผิวพรรณผุดผ่องยืนขวางประตูพระเถระรูปนั้นถามเอียฮูว่าเธอจะเดินทางไปทางไหนเอียฮูก็ตอบว่ากระผมจะเดินทางไปตามหามารดาของกระผมที่หายออกไปจากบ้านพระเถระรูปนั้นจึงถามเอียฮูว่าเธอจำฉันได้ไหมรู้จักฉันไหม
เอียฮูจึงพิจารณาดูรูปร่างของพระเถระซึ่งงดงามมากจึงตอบไปว่าไม่รู้จักท่านจำท่านไม่ได้พระเถระรูปนั้นจึงตอบว่า เรามิใช่ใครอื่นไกลที่ไหนดอกเรา คือบ่อจี้ไต้ซือแห่งเมืองเสฉวนนั่นเองแต่ก่อนเธอได้ทอดทิ้งมารดาของเธอแล้วเดินทางเพื่อจะไปศึกษาวิชาอายุวัฒนะกับท่านบ่อจี้ไต้ซือที่เมืองเสฉวน
เราเห็นว่าเธอประพฤติผิดต่อมารดาของเธอโดยทอดทิ้งให้มารดาอยู่บ้านคนเดียวเราจึงได้แปลงร่างเป็นพระเถระมาคอยเธอระหว่างทางเทศนาให้เธอกลับบ้านรู้จัก กตัญญูกตเวทีต่อมารดาของเธอเมื่อเธอเดินทางกลับมาได้ไม่นานมารดาของเธอก็ถึงแก่กรรมลงเธอมีความเศร้าโศกมาก
ต้องเที่ยวเดินทางหาคนมา แทนเป็นแม่ แต่ก็ไม่ได้จนเงินทองหมดเนื้อหมดตัวจนต้องเดินทางกลับบ้านครั้นถึงบ้านแล้วเธอก็มีความเศร้าโศกมากจน
ร่างกายซูบผอมล้มเจ็บลงเ ราสงสารเธอจึงได้แปลงกายมาเป็นคนแก่มีรูปร่างเหมือนกับมารดาของเธอแล้วมาขอทานจนกระทั่งเธอพบหญิงชราที่ฉันแปลงกายมาและรับซื้อเป็นแม่เราจึงมาอยู่กับเธอด้วยเธอก็มีความกตัญญูรู้คุณซื่อสัตย์สุจริตต่อเราเราจึงช่วยให้เธอสร้างความดีจนกระทั่งได้รับความ
เจริญมากแล้วด้วย การแต่งตั้งเป็นขุนนางในราชสำนักเอียฮูเมื่อได้ทราบดังนั้นก็ดีใจ ก้มลงกราบพระอาจารย์ด้วยความซาบซึ้งในพระคุณของท่านอาจารย์ที่ช่วยเหลือตน ให้ตั้งมั่นอยู่ในคุณความดีมี ความสุขความเจริญ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:43:49 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 16:51:05 »






พระเถระจึงสอนเอียฮูว่าเธอควรแสวงหาตัวของเธอเองดีกว่าอย่าไปแสวงหาสิ่งอื่นเลยเมื่อพบตัวเธอแล้วเธอย่อมจะกระทำที่สุดแห่ง
ทุกข์ได้ในไม่ช้าแล้วพระเถระก็สอนกรรมฐานแก่เอียฮู ให้เอียฮูปฏิบัติเพื่อทำลายอาสวะกิเลสอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ให้หมดไปเมื่อบอกมนต์
คาถาพอสมควรแล้วก็หายวับไปต่อแต่นั้นเอียฮูก็มุ่งหน้าปฏิบัติธรรมตามที่พระอาจารย์สั่งสอนทุกประการด้วยการเข้าฌานภาวนาจนกระทั่งอายุถึงแปดสิบปีก็นั่งทำสมาธิและตายลง พอตายแล้วปรากฏว่าศพไม่เน่า พระเจ้าซ่งเจ็งทรงทราบเรื่องจึงมีพระราชดำรัสสั่งให้เอารูปของเอียฮูมาปิดทองสร้างศาลาบรรจุไว้แล้วจารึกอักษรไว้เป็นถ้ามาตรแม้นผู้ใด ไม่มีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดาและผู้ที่มีพระคุณทั้งหลายแล้วถึงจะประพฤติการสิ่งใดก็
จะไม่ได้สมดังความปรารถนานี่เป็นนิทานจีนที่เล่าสอนศีลธรรมอันดีงามเป็นเวลาช้านนานเราจึงสังเกตได้ว่าชาวจีนนั้นมักถือความกตัญญูเป็นเรื่องสำคัญเพราะเขาถือว่าถ้าเราขาดคุณธรรมทั้งสองข้อนี้แล้วเราทำมาหากินไม่เจริญรุ่งเรืองได้คนจีนจึงมีประเพณี เซ่นสรวงไหว้บรรพบุรุษเป็นประจำ นี้เป็นยุคที่คนในประเทศจีนยังมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักแห่งใจอยู่ แต่ต่อมาในยุคนี้ลัทธิคอมมิวนิสต์เกิดขึ้นทราบว่าลัทธินี้ สอนให้คนไม่เคารพพ่อแม่และผู้มีอุปการคุณคุณธรรมทั้งสองนี้จึงเสื่อมไปตามลำดับ





.................................................อวสานต์.......................................................


(:LOVE:)หากท่านเป็นชาวพุทธที่ดีจงเผยแพร่ต่อ ๆ ไปแล้วผลบุญจะคุ้มครองท่าน รัก



<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>



http://forums.212cafe.com/boxser/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 มิถุนายน 2553 18:46:27 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น: ธรรมมะ ความรู้ นิทาน ขณะ บางครั้ง dhamma เข้าใจ บท หน้าที่ จีน กตัญญู 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ความกตัญญู
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
sometime 1 2296 กระทู้ล่าสุด 24 มิถุนายน 2553 15:35:15
โดย sometime
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.46 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 28 กุมภาพันธ์ 2567 05:52:20