[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 21:37:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วไปไหน โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ  (อ่าน 2554 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ลั้ลลา
ผู้ดูแลบ้านสุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +8/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 2097


【ツ】ต้นไม้แห่งแสง

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 13.0 Firefox 13.0


หน้ากู
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 13 มิถุนายน 2555 23:55:59 »

ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน



...ความจริง ตายแล้วไม่สูญ และ ตายแล้วไปไหน นี้ไม่น่าจะเป็นที่ข้องใจของท่านเลย เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วอย่างละเอียด เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางที่ไปก็มี 5สายคือ

1) อบายภูมิ ได้แก่เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน

2) เป็นมนุษย์

3) เกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์

4) เกิดพรหม

5) ไปพระนิพพาน

ท่านตายแล้วไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกเหตุที่จะเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรมคือการกระทำ ได้แก่ความประพฤติดีหรือชั่วในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติดีหรือชั่วในสมัยเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรมหรือความประพฤติชั่วที่จะพาไปเกิดในที่ใดที่หนึ่ง ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 ทางนั้น ท่านว่าไว้อย่างนี้
แดนเกิดสายที่หนึ่ง ที่เรียกว่า อบายภูมิ
แดนสายที่หนึ่ง ที่เรียกว่า อบายภูมิ มีนรกเป็นต้นนั้น เป็นผลจากความประพฤติชั่วคือก่อกรรมทำเข็ญในสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนและสัตว์ ท่านจัดกฎใหญ่ๆ ไว้5 ประการคือ

1)   เป็นคนมีใจโหดร้าย ชอบข่มเหงรังแก เบียดเบียนคนและสัตว์ให้ได้รับความเดือดร้อนโดยเข้าใจผิดว่าเป็นความดี หมายถึงละเมิดศีลข้อที่ 1

2)   มือไว ชอบลักขโมยของที่เจ้าของยังไม่อนุญาต หรือฉ้อโกงเอาทรัพย์สินของคนอื่นด้วยเล่ห์กลโกง หมายถึงละเมิดศีลข้อที่ 2

3)   ใจเร็ว ได้มีจิตใจไม่เคารพรักของคนอื่น ชอบลอบชู้ บุตร ภรรยาและธิดาสามี ของคนอื่นด้วยความเมาในกามคุณ หมายถึงละเมิดศีลข้อที่ 3

4)   พูดปด ได้แก่พูดไม่ตรงต่อความเป็นจริงเพื่อหวังทำลายประโยชน์ของผู้อื่นโดยเจตนา หมายถึง ละเมิดศีลข้อที่ 4

5)   ชอบทำตนเป็นหมดสติ ด้วยการย้อมใจให้หมดความรู้สึกด้วนน้ำเมา หมายถึงละเมิดศีลข้อที่ 5

กรรม คือ ความประพฤติในกฎ 5 ประการนี้ ท่านว่าตายจากความเป็นคนแล้วไปสู่อบายภูมิมีตกนรกเป็นต้น

แดนเกิดสายที่สอง คือเกิดเป็นมนุษย์
แดนเกิดสายที่สอง คือเกิดเป็นมนุษย์ ท่านว่าคนที่ตายแล้วจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ ต้องกรรมบถ 10 หรือที่รู้กันง่ายๆ ก็คือ เป็นคนมีศีล 5 ประจำได้แก่

1)   เป็นคนมีเมตตาปราณีคนและสัตว์เสมอด้วยรักตนเอง

2)   ไม่มือไว คือเคารพสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลอื่น ไม่ยอมถือเอาทรัพย์สินของใครมาเป็นของตน ในเมื่อเจ้าตัวไม่อนุญาตด้วยความเต็มใจ

3)   ไม่ใจเร็ว ละเมิดรักในบุตร ธิดา ภรรยา สามีของบบุคลอื่น

4)   ไม่เป็นคนไร้สัจจะ พูดแต่เรื่องที่เป็นสาระตรงต่อความเป็นจริง

5)   ทำตนเป็นคนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ คือเป็นคนมีความรับรู้ความดีความชั่ว

ตามกฎแห่งกรรม ไม่ปล่อยใจเลื่อยลอยด้วยน้ำเมาต่างๆ
ท่านที่ทรงความดี 5 อย่างนี้ได้ ท่านว่าตายจากความเป็นคนแล้ว มีสิทธิ์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ได้
แดนเกิดสายที่สาม ได้แก่สวรรค์
แดนเกิดสายที่สาม ได้แก่สวรรค์ อาการที่ทำให้คนเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าบนสวรรค์ ท่านบรรยายไว้มาก แต่เมื่อสรุปกล่าวโดยย่อมี 2 อย่างคือ

1)   เป็นคนมีความละอายต่อความชั่ว ไม่ยอมทำชั่วในที่สถาน

2)   เกรงผลของชั่ว จะทำให้เกิดความเดือดร้อน

3)   เหตุ 2 ประการนี้ เป็นผลทำให้ตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้า

แดนที่สี่ ได้แก่พรหมโลก
แดนเกิดสายที่สี่ ได้พรหมโลก พรหมกับเทวดามีดินแดนที่เกิดคนละแดนกัน พรหมท่านว่าศักดิ์ดีกว่าเทวดา และมีชั้นภูมิสูงกว่า มีอำนาจมากกว่า มีความสุขดีกว่า ความสวยสดงดงามก็ดีกว่าเทวดา แต่พรหมไม่มีเพศหญิงเพศชาย ทั้งนี้เพราะพรหมไม่มีการครองคู่ อยู่โดดเดี่ยวอย่างสงฆ์ตามวัดคือไม่มีภรรยาสามี ท่านว่ามีความสุขสงัด ท่านที่จะเป็นพรหมได้ท่านว่าต้องเป็นนักกรรมฐานและมีอารมณ์จิตสุดท้ายก่อนตาย อารมณ์จิตเป็นฌานที่เรียกว่าเข้า ฌานตาย




แดนสายที่ห้า ได้แก่พระนิพพาน
แดนเกิดสายที่ห้า ได้แก่พระนิพพาน นักปราชญ์ สมัยนี้ถือ นิพพานสูญ กันเป็นประเพณีไปแล้ว ขอบอกย่อๆว่า คนที่จะถึงพระนิพพานได้นั้นต้องมีความบริสุทธิ์ 10 อย่างคือ

1) ไม่เมาในตนเองหรือวัตถุต่างๆ ที่คิดว่าเป็นสมบัติของตน รู้สึกเสมอว่าจะต้องตายและความพลัดพรากได้ ทำจิตใจเป็นปกติเมื่อความตายมาถึงหรือเมื่อต้องพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก

2) ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตต้องทำลายตนเองในเมื่อกาลเวลามาถึง ไม่มีสภาพเป็นปกติอยู่ได้ ใครทำความดี ความดีก็คุ้มครองให้มีความสุขใจ ใครทำชั่ว ความชั่วก็บัลดาลให้มีความเดือดร้อนให้ แม้ผู้อื่นยังไม่ลงโทษ ตนเองก็มีความหวาดสะดุ้งเป็นปกติ

3) รักษาศีลมั่นคง ดำรงอยู่ในศีลเป็นปกติ

4) ทำลายความใคร่ในกามารมณ์ให้สิ้นไปจากจิตใจ ด้วยอำนาจความรู้จริง รู้ว่าความเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ภัยอันตรายที่มีขึ้นแก่ตนเพราะอาศัยความรักเป็นเหตุ

5) มีจิตใจไปด้วยความเมตตราปรานี ไม่โกรธไม่จองล้างของผลาญคิดทำอันตรายใคร ไม่ว่าใครจะแสดงอาการอย่างไร จิตก็ไม่คลายจากความเมตตา

6) ไม่มัวเมาในรูปฌาน โดยคิดว่าการที่ตนรูปฌานได้นี้ เป็นผู้ถึงที่สุดของความดี เมาฌานจนไม่สนใจความดีที่ตนยังไม่ได้

7) ไม่มัวเมาในรูปฌาน โดยคิดว่าความดีเพียงเท่านี้ ยังไม่ใช่ทางสิ้นทุกข์

8) มีอารมณ์เป็นปกติ ไม่คิดถึงเรื่องอารมณ์เหลวไหล มีจิตใจเต็มไปด้วยความหวังดี ไม่ว่าต่อคนต่อสัตว์ ตลอดเวลาที่ตื่นอยู่

9) ไม่ถือตน ทะนงตน ว่าดีเลิศประเสริฐกว่าใคร มีอารมณ์ใจเป็นปกติ เห็นคน สัตว์ ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของธรรมดาที่จะต้องตายจะต้องสลายไป และมีอารมณ์ไม่หวั่นไหวเมื่อเข้าสังคมสมาคมใดๆ มีอาการเป็นเสมือนว่าสังคมนั้น ๆเป็นกลุ่มของคนที่ต้องตาย ไม่ทำตัวใหญ่หรือเล็กจนน่าเกลียด ทำตนพอเหมาะพอสมควรแก่สมาคมนั้นๆ เรื่องของเขา เขาจะดีจะชั่วก็ตัวของเขา เราช่วยได้เราก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็เฉยไว้ ไม่สนใจที่จะเบ่งบารมีทับใคร

10) ตัดความรักความพอใจในโลกีย์วิสัยให้หมด งดอารมณ์อยากดีอยากเด่น ทำอารมณ์เป็นพระในอุโบสถ พระพุทธท่านยิ้มเสมอ ท่านที่จะถึงพระนิพพานต้องยิ้มได้อย่างพระพุทธใครจะดีจะชั่วก็ยิ้ม เพราะมันเป็นธรรมดามันหนีได้ไล่ไม่พ้น เมื่อยังมีตัวตนเป็นคนมันก็พบอาการอย่างนี้อยู่ ก็สบายใจ ความตายมาถึงไม่สะดุ้งหวาดกลัวเพราะรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย มีอารมณ์เป็นปกติ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่ผูกพันทรัพย์สินหรือสัตว์หรือบุคคลอื่น เท่านี้ก็ไปพระนิพพานได้

เมื่อพูดกันมาถึงทางหรือแดนเป็นที่ไป เมื่อตายแล้วว่ามี 5 ทาง ท่านอาจจะยังสงสัยว่าเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนั้น จะมีทางใดพิสูจน์ความจริงได้บ้างว่า คำสอนนั้นตรงต่อความเป็นจริง เคยมีใครบ้างไหมที่ฟังแล้วและทำตามข้อวัตรปฏิบัติตาม ไม่ใช่เรียนแล้วเอามาคุยอวดกัน ต้องเรียนแบบไทย ฝรั่งเขาสงสัยอะไรเขาค้นคว้า หาความจริงว่ามีหรือไม่เพียงใด สมัยนี้แม้แต่ดวงจันทร์ที่ทุกคนคิดว่าเกินวิสัย แต่ฝรั่งเขาไปดูจนได้เพราะเขาเรียนด้วยปฎิบัติด้วย ที่ว่าเรียนแบบไทยเพราะคนไทยมีบุญ ทุกอย่างไม่ต้องลงทุนคอยดูฝรั่งฝรั่งแสดงก็พอใจได้เปรียบกว่าฝรั่งมาก แต่ทว่าเนื้อแท้ เราก็รู้เพียงเขาไม่ใช่เราเห็นเอง

เรื่องของ การตายแล้วไม่สูญ และ ตายแล้วไปไหน ก็เหมือนกัน ถ้าเรียนกันแบบอ่านหนังสือหรือที่อ่านจำได้แล้วเอาเบ่งบารมีกัน ก็ไม่ต้องอะไรกับคนนอนฝันหาความจริงไม่ใคร่ได้ ถ้าจะพบความจริงบ้างก็ต้องบังเอิญจริงๆ หลักการปฏิบัติเพิ่งรู้ว่าตายไปแล้วไหน ท่านสอนไว้ในหลักสูตรวิชชาสาม ท่านให้เจริญสมาธิ เจริญกสิณ กองใดกองหนึ่ง หรือเอากสิณเฉพาะเพื่อทิพจักขุญาณ ท่านให้ใช้เตโชกสิณเพ่งไฟ หรือ อาโลกสิณ เพ่งแสงสว่าง หรือโอตทากสิณเพ่ง จนสมาธิถึงขั้นอารมณ์เริ่มเป็นทิพย์คือถึงอุปจารฌาณแล้วถือนิมิตกสิณเป็นสำคัญเป็นสำคัญฝึกดูสวรรค์ นรก และพรหมโลก ถ้าทรงวิปัสสนาญาณด้วย ก็พิสูจน์พระนิพพานด้วยได้ การพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าต้องฟังแล้วปฎิบัติตตาม ท่านจึงจะหมดข้อสงสัยเพราะท่านรู้เองเห็นเอง แต่ถ้าฟังกันแล้วแต่ไม่ทำตาม ความหวังที่ตั้งใจต้องล้มเหลวแน่เพราะเป็นเสือกระดาษจะกัดใครตายได้ เวลานี้มีผู้ฝึกมโนมยิทธิเพื่อพิสูจน์คำสอนของสมเด็จขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสว่า ตายแล้วไม่สูญ แดนอบายภูมิ แดนสวรรค์ นั้นมีจริง เขาฝึกกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวนมาก ต่อไปขอนำเรื่องราวของที่ตายไปแล้วกลับฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วได้ไปพบเห็นในแดนต่างๆ ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อเป็นตัวอย่างให้ท่านทั้งหลายได้ทราบตามความเป็นจริงว่า ตายแล้วไม่สูญ

คัดลอกจากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วไปไหน
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

เราช่วยกันนำต้นรักที่เพาะได้
   ส่งไปตาม บ้านที่ต้องการ
       อยากจะได้...
   หรืออยากจะเติม
คำค้น: ตาย สูญ ตายแล้วไปไหน 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง - ชั้นต่างๆ ของเทวดา
ธรรมะจากพระอาจารย์
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 0 3925 กระทู้ล่าสุด 16 มกราคม 2556 13:53:26
โดย 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
ตายแล้วไปไหน ?
สุขใจ ไปรษณีย์
หมีงงในพงหญ้า 0 4437 กระทู้ล่าสุด 26 ธันวาคม 2556 10:04:47
โดย หมีงงในพงหญ้า
"อย่าคิดว่าเราดีกว่าหมา" / หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
ธรรมะจากพระอาจารย์
【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ 0 5386 กระทู้ล่าสุด 18 ธันวาคม 2557 11:58:13
โดย 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪
โอวาทของหลวงพ่อเนียม วัดน้อย โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
มดเอ๊ก 0 2434 กระทู้ล่าสุด 24 กรกฎาคม 2559 21:56:13
โดย มดเอ๊ก
ประสบการณ์ชีวิตหลังความตาย ของ หลวงปู่คำคะนิง ตายแล้วไปไหน
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
มดเอ๊ก 0 2198 กระทู้ล่าสุด 14 ธันวาคม 2559 10:50:10
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.383 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 14 มีนาคม 2567 03:31:50