[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 เมษายน 2567 21:15:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติของ มีเกลันเจโล หรือที่คนไทยเรียก ไมเคิล แองเจโล  (อ่าน 48150 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.56 Chrome 19.0.1084.56


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 14 มิถุนายน 2555 11:26:50 »

ประวัติของ มีเกลันเจโล หรือที่คนไทยเรียก ไมเคิล แองเจโล



มีเกลันเจโล หรือชื่อเต็มว่า มีเกลันเจโล ดี โลโดวีโก บัวนาร์โรตี ซีโมนี (อิตาลี: Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni, 6 มีนาคม ค.ศ. 1475 - 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564) เป็นจิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดังชาวอิตาลี

ศิลปินที่เข้าถึง 3 ศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก เขาไม่เป็นเพียงผู้ที่เข้าถึงแต่เพียงศาสตร์ด้านวิจิตรศิลป์ แต่เขายังเข้าถึงความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม และประติมากรรมอีกด้วย เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1475 และเติบโตที่เมืองฟลอเรนซ์ ภายหลังเป็นผู้สร้างประติมากรรมหินอ่อนชื่อกระฉ่อนโลกนามว่า เดวิด (David)

หลังจากที่ไปอยู่ที่กรุงโรมเมื่ออายุ 21 ปี และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นถึง 5 ปี มีเกลันเจโลสร้างประติมากรรมรูปเดวิด ตอนอายุ 26 ปี จากหินอ่อนก้อนมหึมาที่ถูกทิ้งไว้กลางเมืองฟลอเรนซ์เป็นเวลาหลายปี จึงกลายเป็นที่ฮือฮาของชาวเมือง ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีใครกล้าพอที่จะแตะต้องมันนั่นเอง ความสำเร็จหลังจากงานชิ้นนี้ ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอิตาลี มีเกลันเจโลเดิมทีเป็นคนที่เกลียด เลโอนาโด ดาวินชี ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีอายุห่างกันถึง 23 ปี และไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก (คล้ายกับ "การที่เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้") ในช่วงนี้ (ค.ศ. 1497 - ค.ศ. 1500) เขาก็ได้สร้างประติมากรรมหินอ่อนอีกชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า ปีเอตะ (Pietà) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) ที่กรุงโรม

ตอนอายุได้ 30 ปี เขาได้ถูกเชิญให้กลับมาที่กรุงโรม เพื่อออกแบบหลุมฝังศพให้กับ พระสันตะปาปาจูเลียส ที่ 2 ซึ่งใช้เวลาประมาณ 40 ปี หลังจากแก้หลายครั้งหลายครา จนมาสำเร็จในปี ค.ศ. 1545 ต่อมาในปี ค.ศ. 1546 เขาเป็นสถาปนิกคนสำคัญในการสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม ที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลก โดยเฉพาะส่วนที่เป็นโดม

เขาใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ในกรุงโรม ตลอด 30 ปี ช่วงนี้นั้นเองที่เขาเขียนภาพระดับโลกไว้มากมาย โดยเฉพาะ The Last Judgement (Last Judgment) ซึ่งเขาใช้เวลาในการเขียนภาพขนาดยักษ์นี้นานถึง 6 ปี

มีเกลันเจโล บัวนาร์โรตี เสียชีวิตลงเมื่ออายุได้ 90 ปี ซึ่งมีคำกล่าวจาก พระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ว่า "ทรงยินดีบั่นทอนชีวิตของท่านลง เพื่อแลกกับชีวิตของ มิเกลันเจโล ให้ยืนยาวออกไปอีก"

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.56 Chrome 19.0.1084.56


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2555 11:27:25 »

เพิ่มเติม

ไมเคิลแอนเจโล คือ ประติมากร , จิตรกร , สถาปนิก และกวีผู้ยิ่งใหญ่ในยุคทองของสมัยเรอนาซอง  เขาถือกำเนิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ.1475 ณ หมู่บ้านคาเปรเซ่ เมืองคาสเซ็นติโน รัฐฟลอเรนซ์  บิดาเป็นข้าราชการและสืบเชื้อสายมาจากตระกูลผู้ดีเก่าแก่ของฟลอเรนซ์  เขาตั้งความหวังไว้ว่า คงจะมีสักวันใดวันหนึ่งที่คนในตระกูลบูโอนาร์โรตีจะต้องมีโอกาสขึ้นมากอบกู้ฟื้นฟูฐานะอันรุ่งเรืองในอดีตให้กลับคืน  ด้วยเหตุนี้ จึงทุ่มเทความหวังฝากไว้กับหนูน้อยไมเคิลแอนเจโล  แต่ทว่าไมเคิลแอนเจโลกลับทุ่มเทความรักและความสนใจพร้อมกับแสดงเจตนารมณ์ต้องการศึกษาศิลปะ  จึงเท่ากับขัดความประสงค์ของบิดาอย่างรุนแรง  แต่ด้วยความตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวของหนูน้อยไมเคิลแอนเจโล  ทำให้บิดาไม่สามารถขัดขวางได้  ดังนั้นในวันที่ 1 เมษายน    ค.ศ. 1488  เขามีอายุได้ 13 ปี ก็ได้มอบตัวเป็นศิษย์เข้าศึกษาการวาดภาพกับโดมิเนโก กีย์ลันไดโอ  จิตรกรคนสำคัญของฟลอเรนซ์
                การเรียนการศึกษาศิลปะมีหลักสูตรการเรียนการปฏิบัติใช้เวลาทั้งหมดสามปี  เริ่มต้นจะต้องเรียนวิชาพื้นฐานทั่วไปก่อน  การเรียนก็เป็นไปในทำนองลูกมือช่วยทำงานสารพัดให้กับครู  นับตั้งแต่ช่วยบดสี ผสมสี ล้างพู่กัน หรือการเตรียมพื้นผนังปูนสำหรับวาดภาพระบายสีแบบเฟรสโก้  ครั้นพอชำนาญจึงเขยิบขึ้นมาหัดร่างภาพและระบายสีตามลำดับ  ผลดีจากประสบการณ์ครั้งนี้ได้ก่อประโยชน์อย่างมหาศาลให้แก่เขาในเวลาต่อมา  โดยเฉพาะการเรียนรู้และการฝึกปฏิบัติวิธีการระบายสีแบบเฟรสโก้
                ไมเคิลแอนเจโลศึกษายังไม่ทันจบหลักสูตร  ก็ลาออกเข้าไปเรียนวิชาประติมากรรมที่เขารักและหลงใหลมากกว่า  สถานศึกษาแห่งใหม่ตั้งอยู่ในอุทยานประติมากรรมของเจ้าชายโลเร็นโซ ณ สถานศึกษาแห่งใหม่  ไมเคิลแอนเจโลศึกษาวิชาวาดเส้นอย่างหนักจากแบบประติมากรรมชิ้นเยี่ยมของกรีกและโรมัน  ซึ่งเจ้าชายโลเร็นโซทรงเสาะแสวงหามาสะสมไว้ด้วยกันเป็นจำนวนมาก  นอกจากนี้ยังฝึกหัดปั้นและแกะสลักจากแบบดังกล่าวแล้วยังศึกษาจากแบบคนจริงด้วย  ไมเคิลแอนเจโลได้แสดงความสามารถพิเศษส่วนตนทางด้านศิลปะได้ตั้งแต่วัยเยาว์  เขาสามารถสร้างผลงานให้เจ้าชายโลเร็นโซเกิดความนิยมการศึกษาของไมเคิลแอนเจโล  มิได้เพียงแต่ศึกษาวิชาประติมากรรมเท่านั้น  หากเขายังได้ศึกษาดนตรี กวีนิพนธ์ ปรัชญา ตลอดจนวิทยาการต่างๆเพราะสภาพบรรยากาศในราชสำนักของเจ้าชายโลเร็นโซอบอวนด้วยกลิ่นอายทางวิชาการจากเหล่ากวี ศิลปิน และปัญญาชนทางลัทธิมนุษยนิยมที่แวดล้อมเจ้าชายโลเร็นโซ
                ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1494  นับเป็นวันวิกฤติของฟลอเร็นได้วันหนึ่ง  เมื่อเจ้าชายโลเร็นโซทรงสิ้นพระชนม์ลง  พร้อมกันนั้นได้เกิดความวุ่นวาย ชุลมุน ก่อการจลาจลจากชาวเมือง  มีผลสืบเนื่องจากการเทศนาปลุกเร้าความคิดทั้งด้านการเมืองและศาสนาของพระในนิกายโดมินิกันองค์หนึ่งชื่อ สโวนาโรล่า  ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองของตระกูลเมดิชี่  จากนั้นรัฐบาลภายใต้การบัญชาการของพระสโวนาโรลาได้เข้ามาบริหารบ้านเมืองแทน  โดยมีนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อกลุ่มลัทธิมนุษยธรรมนิยมโดยตรง  ไมเคิลแอนเจโลจึงจำต้องหลบหนีออกจากเมือง  ลี้ภัยไปอาศัยอยู่ที่เมืองโบโลญา  รับจ้างสลักรูปประดับในโบสถ์วัดซานเปรโตนีโอ

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.56 Chrome 19.0.1084.56


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2555 11:28:15 »

ต่อจากด้านบน

วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1496  ภายหลังจากวัดซานเปรโตนีโอเสร็จเรียบร้อย  เขาก็ออกเดินทางจากโบโลญามุ่งหน้าสู่กรุงโรม  เพื่อรับจ้างสลักรูปหินอ่อนประดับในโบสถ์เซนต์ปีเตอร์  เขาเริ่มงานชิ้นแรกเป็นรูปของเทพแบคคุส   เทพเจ้าแห่งเมรัยและความสนุกสนานรื่นเริงตามเทพนิยายของกรีก    เป็นประติมากรรมที่แกะสลักจากหินอ่อน มีขนาดความสูงเท่ากับคนจริง          พระคาร์ดินาล วิลลิเอร์  เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสำนักวาติกัน    ได้มีโอกาสเห็นผลงานของไมเคิลแอนเจโลจึงเกิดความสนใจ  ต่อมาได้ติดต่อให้เขารับสร้างงานให้ชิ้นหนึ่ง  สร้างเป็นรูปแม่พระประทับบนพระแท่นหิน มีร่างของพระบุตรหรือพระเยซูวางพาดอยู่บนหน้าตัก  สัญญาว่าจ้างได้ลงนามกันเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2498    ประติมากรรมรูปนี้เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ        “ ปิเอต้า ” ( Pieta )
                ในค.ศ. 1501  เมื่อสลักรูปหินปิเอต้าเสร็จ  ได้เดินทางกลับฟลอเรนซ์ทันที  สาเหตุที่รีบร้อนเดินทางกลับคงเป็นเพราะได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการปกครองเมืองฟลอเรนซ์  ให้เขาสามารถนำเอาหินอ่อนขนาดมหึมาซึ่งจมดินอยู่เป็นเวลานานถึง 46 ปี มาสกัดรูปตามที่เขาต้องการ  เมื่อเขากลับมาถึงฟลอเรนซ์  ได้รีบเร่งร่างแผนการนำเอาดาวิดหรือเดวิดวีรบุรุษชาวยิวในพระคัมภีร์เดิมของคริสตศาสนามาสร้าง  ซึ่งวีรบุรุษชาวยิวผู้นี้โดนาเต็ลโลและเวอร์รอคคิโอ ประติมากรเอกของฟลอเรนซ์เคยสร้างมาก่อนหน้านี้แล้ว  มีการเล่ากันว่า ในขณะที่ไมเคิลแอนเจโลกำลังร่างแผนงานสลักรูปดาวิดอยู่นั้น  เขาศึกษาภาพเปลือยจากประติมากรรมจากกรีกและโรมันอย่างหนัก  นอกจากนี้ยังศึกษากายวิภาคจากซากศพคนจริง  ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลออกัสติเนียน
                รูปดาวิดสลักสำเร็จเรียบร้อยในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1504  ใช้เวลาร่วมทั้งหมด 4 ปี  ต่อจากนั้นเขาก็มีงานที่มีผู้ว่าจ้างให้ทำอยู่หลายรายการ  ดังเช่นรูปสลักประติมากรรมภาพแบน  เป็นรูปแม่พระมาดอนนากับสาวก 12 องค์ผู้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ให้เป็นที่รู้จักกันในระยะแรก  เพื่อนำไปติดตั้งที่โบสถ์ในวัดประจำเมืองฟลอเรนซ์  แต่เนื่องจากเขามีงานมากจนล้นมือจึงสลักรูปสาวก  12   องค์เสร็จเพียงรูปเซนต์แมทธิวเพียงองค์เดียว            ในขณะเดียวกันนี้เอง ไมเคิลแอนเจโลเริ่มสนใจงานด้านจิตรกรรมบ้าง  ดังจะเห็นได้จากที่เขารับวาดภาพเกี่ยวกับครอบครัวของพระเยซูในรูปวงกลม หรือที่เรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “ โดนิทอนโด” ( Donitondo )
                ในช่วงระยะเวลานี้ เป็นระยะเวลาที่เลโอนาร์โดลี้ภัยการเมืองมาพำนักอยู่ในฟลอเรนซ์  ศิลปินเอกทั้งสองต่างเป็นผู้มีชื่อเสียงและความสามารถสูงด้วยกัน  ต่างฝ่ายต่างว่าตนเองมีความสามารถสูงกว่า  ทำให้เกิดมีการปะทะกันด้วยคารมบ่อยครั้ง  ทางคณะกรรมการปกครองเมืองเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะเชิญให้ทั้งเลโอนาร์โดกับไมเคิลแอนเจโลมาวาดภาพประดับบนฝาผนังแข่งกัน  โดยกำหนดให้เอาฝาผนังในศาลากลางแห่งใหม่ที่พระราชวังเวคดิโอเป็นสนามประลองฝีมือ  เนื้อหาที่จะใช้วาดกำหนดให้เป็นเรื่องของสงคราม  เลโอนาร์โดเลือกเอาเรื่องราว “ การรบที่แอนกิอารี่ ”  ส่วนไมเคิลแอนเจโลเลือกเอาเรื่องราว “ การรบที่คาสชินา ” ซึ่งเขาได้ลงมือร่างภาพ     ( Cartoon ) ในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1504  แต่อย่างไรก็ตามศิลปินเอกทั้งสองท่านต่างก็ทำงานไม่เสร็จด้วยกันทั้งคู่  ต้องมีอันแยกย้ายไปทำงานอื่น เลโอนาร์โดกลับไปรับราชการในราชสำนักมิลาน  ไมเคิลแอนเจโลต้องรีบเดินทางไปกรุงโรมเพื่อทำงานให้สันตะปาปา
                ผลงานที่เขาเหลือไว้เป็นอนุสรณ์สำหรับผลงานแห่งนี้คือ  ภาพร่างรูปคนด้วยดินสอบนแผ่นกระดาษ  เป็นรูปคนและสัตว์ประมาณ 500 ภาพ  ซึ่งผลงานชุดนี้ก็ได้กลายเป็นขุมตำราวิชาการศิลปะอันล้ำค่าให้ศิลปินรุ่นหลังได้ศึกษากัน  เขาคือผู้ยกระดับฐานะของงานวาดเส้น ( Drawing ) ซึ่งในอดีตถูกมองว่าเป็นผลงานอันต่ำต้อย  เป็นแค่เพียงบันไดหรือทางผ่านของจิตรกรรมหรือประติมากรรมเท่านั้น  เขาได้สร้างให้มันมีคุณค่าสูงทัดเทียมกับจิตรกรรมและประติมากรรมอีกด้วย
                ในฤดูใบไม้ผลิของปี ค.ศ. 1505  สันตะปาปาจูลิอุสหรือจูเลียสที่ 2 จึงได้มีสาส์นเชื้อเชิญให้เขาเดินทางเข้ากรุงโรม  พระองค์ทรงมอบหมายงานการออกแบบก่อสร้างสุสานส่วนพระองค์  เมื่อไมเคิลแอนเจโลได้รับสาส์นก็รีบเดินทางเข้าเฝ้าองค์สันตะปาปา  เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ในการออกแบบก่อสร้างสุสานส่วนพระองค์  เขาได้เสนอโครงงานอย่างใหญ่โตมโหฬาร  กำหนดให้สุสานมีรูปร่างคล้ายวิหารขนาดเล็ก  ติดตั้งอยู่ภายในโบสถ์เซนต์ปีเตอร์  มีรูปสลักหินอ่อนเป็นรูปคนประดับสุสาน 40 รูป  เมื่อองค์สันตะปาปาได้ทราบถึงโครงงานทั้งหมดก็ทรงอนุมัติทันที  แต่ว่าในขณะที่ไมเคิลแอนเจโลกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่นั้น  ได้เกิดปัญหาจนก่อเป็นอุปสรรคหลายอย่าง อาทิเช่น แม่น้ำไทเบอร์ซึ่งไหลผ่านใจกลางกรุงโรม  ในฤดูน้ำหลากมีมากจนเกิดเป็นอุทกภัยร้ายแรง  เป็นอุปสรรคขัดขวางการขนส่งลำเลียงหินอ่อนชนิดดีที่สั่งซื้อมาจากเมืองคาร์ราร่า  ฐานะการเงินขององค์สันตะปาปาเริ่มฝืดเคือง  จึงต้องลดภาระตัดงบประมาณในด้านอื่นๆลง  เป็นเหตุให้ไมเคิลแอนเจโลกับองค์สันตะปาปามีปากเสียงกันบ่อยครั้ง


บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.56 Chrome 19.0.1084.56


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2555 11:28:56 »

ต่อจากด้านบน

                ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1506  ไมเคิลแอนเจโลจึงจำต้องตัดสินใจละทิ้งงานหลบหนีออกจากโรม  สุสานขององค์สันตะปาปายังคงทิ้งค้างไว้  โครงงานที่ไมเคิลแอนเจโลร่างไว้เสร็จเพียงบางส่วน  ประติมากรรมที่ตั้งใจจะสลักถึง 40 รูปนั้น  สำเร็งเพียงรูปเดียว คือ รูปโมเสสกับงานที่สลักค้างไว้อีก 2 รูป  แม้ว่าสันตะปาปาจูลิอุสที่ 2  จะทรงมีอำนาจในการลงโทษไมเคิลแอนเจโลได้อย่างเต็มที่  แต่ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ทรงยอมใช้อำนาจนี้  สันนิษฐานกันว่า คงเป็นเพราะพระองค์ทรงเห็นความสามารถของเขาอยู่     พอลุล่วงฤดูใบไม้ผลิทรงโปรดประทานอภัยโทษและเรียกให้ไมเคิลแอนเจโลเดินทางกลับเข้ากรุงโรม  แม้ว่าสุสานจะยังไม่เสร็จองค์สันตะปาปาก็ไม่ติดพระทัยให้ทำต่อ  แต่กลับเสนองานวาดภาพประดับเพดานในหอสวดมนต์ซิสติเน่แทน
                หอสวดมนต์ซิสติเน่หรือซิสทีน ( Sistine Chapel ) เป็นอาคารขนาดย่อมอยู่ภายในพระราชวังวาติกัน  สร้างขึ้นในสมัยสันตะปาปาซิกตุสที่ 4 ( Sixtus IV )  และได้ชื่อตามนามพระองค์  จัดให้มีการฝึกหัดและฝึกซ้อมร้องเพลงในหอสวดมนต์ซิสติเน่เป็นประจำ  คณะร้องเพลงสวดนี้ชื่อว่า “ คาเปลลา ซิกติน่า ” ( Capella Sixtena ) เป็นวงที่รับหน้าที่ขับร้องประจำในโบสถ์เซนต์ปีเตอร์  และยังใช้เป็นสถานที่สำหรับองค์สันตะปาปาซิกตุสที่ 4 ประกอบศาสนากิจส่วนพระองค์  ที่ฝาผนังด้านข้างทั้งสองข้างตกแต่งด้วยจิตรกรรมปูนเปียก ( Fresco ) เขาใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นระยะเวลายาวนานติดต่อกันถึง 4 ปี  เนรมิตโลกแห่งจิตนาการขึ้น  ผลงานได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1512
ไมเคิลแอนเจนโลมีโอกาสวาดภาพบนเพดานในซีสติเน่ตามความปรารถนาของสันตะปาปาซึ่งเขาได้สะท้อนความคิดตามลัทธิปรัชญานีโอ-เพลโตนิคและความศรัทธาของคริสตศาสนิกชนที่ดีโดยแสดงถึงความเป็นจริงทั้งในสภาพชีวิตธรรมดาและอุดมคติตามหลักปรัชญาเพลโตที่เชื่อว่าความงามมาตรฐานอยู่แต่ในอุดมการณ์เท่านั้น เขาได้สร้างภาพวีรบุรุษและวีรสตรีเท่าขนาดคนจริงมีอิริยาบถแตกต่างกันและเปลือยกายแสดงความงามของเรือนร่างตามคตินิยมทางศิลปะของกรีกและโรมันและจัดพื้นที่เป็นรูปทรงเรขาคณิตในแบบต่าง ๆ ตามทัศนะของเพลโต จุดเด่นของภาพนี้อยู่ที่การวาดภาพมนุษย์ซึ่งมีรูปร่างลักษณะเช่นเดียวกับพระเจ้าเพราะเขาต้องการเน้นคุณค่าและยกย่องในความเป็นมนุษย์ตามหลักทฤษฎีของนีโอ-เพลโตนิค ใช้การระบายสีแบบเฟรสโกหรือการระบายสีในขณะผนังปูนยังเปียก เมื่องานนี้เสร็จลงเขากลับมาสลักรูปหินอ่อนศาสดาพยากรณ์และรูปทาสที่ค้างไว้ในงานสร้างสุสานสันตะปาปาจูลิอุสที่ 2 ซึ่งคอนโดวิดินักประวัติศาสตร์ขนานนามว่า “สุสานแห่งโศกนาฏกรรม” เพราะสร้างความยุ่งยากมากจนเมื่อเขาถึงแก่กรรมผลงานนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ปี ค.ศ. 1516 สันตะปาปาเลโอที่ 10 ซึ่งรับตำแหน่งจากสันตะปาปาจูลิอุสที่ 2 ได้ให้เขาออกแบบตกแต่งหอสวดมนต์ในวัดซานโลเร็นโซ ในปี ค.ศ. 1527 จักรพรรดิชาร์ลที่ 5 ทรงเข้ายึดกรุงโรมและจับองค์สันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7 คุมขังทำให้เมืองฟลอเรนซ์เกิดจลาจล ในปี ค.ศ. 1530 กองทัพจักรพรรดิชาร์ลที่ 5 พ่ายแพ้ทำให้ไมเคิลแอนเจโลซึ่งอยู่ฝ่ายนิยมสาธารณรัฐมีความผิดด้วยแต่สันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7 ทรงอภัยโทษและเสนอให้สร้างงานในวัดซานโลเร็นโซต่อไปจนเสร็จ ปี ค.ศ. 1534 สันตะปาปาปอลที่ 3 ดำรงตำแหน่งสืบต่อทรงเปิดโอกาสให้เขาวาดภาพในหอสวดมนต์ซีสติเน่ เขาลงมือวาดภาพเมื่อปี ค.ศ. 1536 โดยนำเรื่องราวจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ตอน “การตัดสินครั้งสุดท้าย (The Last Judgment)” ช่วงที่กำลังวาดภาพนี้ได้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาอย่างหนักจึงส่งผลให้ภาพนี้แสดงถึงความดิ้นรนของชีวิตอันทุกข์ยาก มีการสร้างภาพให้เกิดความเกรงกลัวในการประพฤติผิดและให้กำลังใจแก่ผู้ทำความดี ภาพคนส่วนใหญ่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์อยู่ในห้วงทรมาน ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1541 เขาได้รับงานวาดภาพเฟรสโก้บนผนังหอสวดมนต์เปาลีเนขององค์สันตะปาปาปอลที่ 3 ในวาติกันเช่นเดียวกับซีสติเน่ โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับการอุทิศตนเองเพื่อศาสนาของเซนต์ปีเตอร์กับเซนต์ปอล แต่ภายหลังได้มีจิตรกรหลายคนแก้ไขทำให้เหลือภาพส่วนที่เป็นฝีมือของไมเคิลแอนเจโลเพียงเล็กน้อย ต่อมาในปี ค.ศ. 1546 ไมเคิลแอนเจโล ในวัย 71 ปี ได้รับการทาบทามเชื้อเชิญให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถานปนิกควบคุมการก่อสร้างโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ เขามีจุดประสงค์ให้โบสถ์นี้เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา แสดงถึงความมีเอกภาพ ความสงบ ความหวังและมั่นคง เป็นศูนย์กลางแห่งการรวมวิญญาณของชาวคริสเตียนทั้งหมด โบสถ์เซนต์ปีเตอร์นับเป็นต้นแบบในการก่อสร้างอื่น ๆ โดยเฉพาะโดม เห็นได้จากในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 เป็นสมัยแห่งการล่าอาณานิคม หลายประเทศได้ก่อสร้างโดมตามแบบสถาปัตยกรรมของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ผลงานบั้นปลายชีวิตของไมเคิลแอนเจโลเพิ่มอารมณ์แห่งความกดดันและเศร้าหมองมากขึ้น สันตะปาปาปอลที่ 4 ทรงให้ออกแบบก่อสร้างรอบอนุสาวรีย์จักรพรรดิ ทราจันและดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการวางผังเมืองของกรุงโรม ในปี ค.ศ. 1569 เจ้าชายโคสิโมที่ 1 ยอมรับแบบวัดเซนต์จอห์นที่จะสร้างในกรุงโรม และปี ค.ศ. 1561 เขาได้ลงนามให้ก่อสร้างประตูปอร์ตา ปิอา จวบจนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 ไมเคิลแอนเจโลในวัย 89 ปี ได้ถึงแก่กรรม ณ บ้านพักที่มาเซล เด คอร์วี่ ในกรุงโรม มีการนำร่างของเขาไปที่โบส์ถซานตา โกรเซ เมืองฟลอเรนซ์ เขาได้ทิ้งค้างผลงานสุดท้ายไว้ซึ่งมีชื่อว่า ปิเอตา รอนดานินี่
 

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.56 Chrome 19.0.1084.56


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2555 11:30:09 »

ไมเคิลแอนเจโลกับอุดมคติในการสร้างงาน

              ดังได้เคยกล่าวมาแล้วว่า ศิลปกรรมที่สร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 และคริสต์ศตวรรษที่ 16 มีศูนย์กลางครั้งแรกที่เมืองฟลอเรนซ์ ต่อมาได้ย้ายมาที่กรุงโรม ผลงานส่วนมากสร้างขึ้นตามแนวคตินิยมในลัทธิปรัชญานีโอ-เพลโต มีจุดมุ่งหมายสูงสุดในการแสดงออกอยู่ที่ให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์ ตามอุดมการณ์ของลัทธิมนุษย์ธรรมนิยม ให้ความสำคัญของปัจเจกชนทั้งทางด้านเสรีภาพในการคิดและการกระทำ มิได้มุ่งอยู่แต่ในเรื่องของความเป็นจริงเท่าที่สภาพชีวิตทั่วไปเผชิญอยู่ หากแต่คำนึงถึงความจริงแท้ในมโนคติ ตามหลักคิดของเพลโตส่วนในปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับทางศิลปะโดยตรงของเพลโตนั้นเชื่อว่า ความงามที่เราสัมผัสได้นั้นเป็นเพราะความงามนั้นได้สะท้อนจำลองมาจากความงามอันสูงสุด เป็นความงามมาตรฐานที่มีอยู่เพียงในมโนคติ ซึ่งอยู่นอกเหนือการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เป็นความงามสากลอันเป็นแม่แบบแห่งความงามทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในโลก ถ้าปราศจากความงามสากลนี้แล้ว ย่อมไม่มีความงามที่เราสามารถสัมผัสได้
                ไมเคิลแอนเจโลได้นิพนธ์บทกวีไว้บทหนึ่งความว่า “ ความงามทุกอย่างที่มนุษย์ผู้มีการรับรู้เห็นได้ในโลกนี้  ย่อมมีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่มีแหล่งกำเนิดจากสวรรค์  ซึ่งเราทั้งหลายได้มาจากที่นั้น ”  จะเห็นได้ว่าศิลปะในทุกสาขาของสมัยเรนาซอง  ไม่ว่าจะเป็นกวีนิพนธ์จะมีครรลองแสดงออกถึงความงามเช่นดียวกับที่ปรากฏในจิตรกรรมหรือประติมากรรม  เมื่อต้องการจะกล่าวพรรณนาชมหญิงสาวสุดสาวคนใดคนหนึ่ง  ต่างก็จะร่ายในท่วงทำนองที่คล้ายกัน  จิตรกรรมและประติมากรรมเองก็ได้แรงดลใจไม่น้อยจากกวีนิพนธ์มากเสียยิ่งกว่าจะนำมาจากธรรมชาติโดยตรง  หรือมาจากความรู้ในประวัติศาสตร์
                สถาบันศิลปะที่เจ้าชายโลเร็นโซให้การอุปถัมภ์อย่างดีนั้น  ได้ทุ่มเทความมานะพยายามศึกษาค้นคว้าและสนับสนุนให้สร้างงานตามอุดมคติ นีโอ-เพลโตนิค อย่างเต็มที่  โดยนำรูปแบบจากศิลปกรรมกรีกและโรมันมาศึกษาเป็นแม่บท  ทำให้ฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางสำคัญของวงการศิลปะในเวลาอย่างรวดเร็ว  ศิลปินฟลอเรนซ์ต่างมีงานทำอย่างล้นมือ  ในบางโอกาสอาจไปมีหน้าที่เป็นผู้กำกับเวทีการแสดงอีกด้วย
                ทั้งไมเคิลแอนเจโลและเลโอนาร์โดดูจะไม่ค่อยพึงพอใจในสภาพบรรยากาสเหล่านี้เท่าใดนัก  บุคคลทั้งสองพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว  เลโอนาร์โดมุ่งความสนใจแสวงหาความจริงและความงามในมโนคติทางวิทยาศาสตร์  ส่วนไมเคิลแอนเจโลค้นหาความจริงและความงามในแบบฉบับลัทธิปรัชญาของเพลโตอย่างสมบูรณ์แบบ  นำทั้งหมดมาปรุงแต่งรวมแสดงออกเป็นพลังอำนาจของความเป็นมนุษย์ความงามในความหมายกว้างมีอยู่สองแบบด้วยกัน กล่าวคือ เป็นความงามตามธรรมชาติกับความงามที่ได้รับการปรุงแต่งกลั่นกรอง  ไมเคิลแอนเจโลได้ยึดทั้งสองแบบนอกจากนี้ยังได้เพิ่มเติมสอดแทรกความงามทางศีลธรรมเข้าไปเพราะเขาเชื่อว่าความงามเป็นความดีที่ยิ่งใหญ่  จากแนวคิดนี้จะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย”  ที่ผนังในหอสวดมนซิสติเน่  ซึ่งแฝกความงามในธรรมชาติร่างกายของมนุษย์และความงามทางศีลธรรมตามหลักคริสต์ศาสนาผสมเข้ากับลัทธิมนุษยธรรมอย่างลึกซึ้ง
                ไมเคิลแอนเจโลถืองานวาดเส้น ( Drawing ) นอกจากจะมีความสำคัญที่เส้นได้แสดงลีลาแล้ว  แสงเงาและความมีเอกภาพของรูปทรงก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่า  จากการที่เขามีความคิดเช่นนี้อาจเป็นเพราะมีความหลงใหลในงานประติมากรรม  จนกระทั่งนำหลักสำคัญของประติมากรรมสดใส่ในผลงานศิลปะทุกอย่าง  ส่วนการประติมากรรมตามทัศนะของไมเคิลแอนเจโลนั้น  ถือว่ามีเรื่องราวและคุณค่าพิเศษเฉพาะตน  มีสาระสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาและวัสดุ  ไมเคิลแอนเจโลดูจะเชื่อมั่นในอำนาจภายในอันเร้นลับ  จนกระทั่งสามารถเสกบันดาลสิ่งต่างๆให้มีอิทธิฤทธิ์ได้ เกล่าวว่า “การเลียนแบบภาพอันน่าเคารพของพระเจ้า  ศิลปินไม่เพียงแต่เป็นครูหรือผู้แนะนำที่ดีเท่านั้น  หากแต่พวกเขาจำเป็นต้องมีชีวิตที่ดีหรือแม้แต่จะต้องทำตนเป็นนักบุญ  เพื่อวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์จะได้ดลบันดาลให้พวกเขาเกิดพุทธิปัญญา” ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่า  ตลอดชั่วชีวิตอันยาวนานของไมเคิลแอนเจโล  เขาได้ดำเนินชีวิตด้วยควาสะอาดบริสุทธิ์ไม่มีเรื่องผิดใดๆให้ด่างพร้อย  เขายินดีที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดในผลงาน ปฏิเสธที่จะมีผู้ช่วยหรือลูกมือในการทำงาน  เขายอมวาดภาพขนาดมหึมาเพียงคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว  สลักหินอ่อนด้วยค้อนและสิ่วอย่างเดียวดาย  เขาทำงานด้วยสมาธิอันแน่วแน่ดุจนักพรตผู้มีตะบะอันแรงกล้า
ประติมากรรมหินสลัก “ปิเอต้า” นับเป็นตัวอย่างที่ดีอีกชิ้นหนึ่งได้รวมเอาหลักการในความงานตามหลักปรัชญาลัทธินีโอ-เพลนิคกับคริสต์ศาสนาเข้าไว้ด้วยกันอย่างเหมาะสม  โดยมีเรื่องราวเนื้อหาจากพระคัมภีร์  ส่วนกรรมวิธีและการแสดงออกถึงความงามเป็นไปตามแบบศิลปะกรีกและโรมัน  เช่นเดียวกับภาพจิตรกรรมเพดานในหอสวดมนต์ซิสติเน่  เขาได้สร้างภาพบุคคลสำคัญของคริสเตียนเคียงข้างกับบุคคลสำคัญในตำนานเทพนิยายกรีกอย่างไม่เคอะเขิน  ภาพ “การตัดสินครั้งสุดท้าย” บนผนังในสถานที่แห่งเดียวกัน  เขาได้วาดภาพคนเปลือยไว้อย่างมากมาย  แสดงความงามตามอุดมคติของกรีกและโรมัน   นอกจากจิตรกรรมและประติมากรรมที่ได้กล่าวมาแล้ว  ในสถาปัตยกรรมที่เขาออกแบก็มีอยู่อย่างสมบูรณ์เช่นกัน  นับตั้งแต่โดมของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์  เสาหินขนาดยักษ์ที่รองรับน้ำหนักมหาศาลของโดม  ภายในโดมเมื่อมองขึ้นไปจะเห็นโครงสร้างที่ทำเป็นวงกลมสลับซับซ้อนดุจวงแหวนเรียงรายเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นเปรียบเสมือนชั้นของสรวงสวรรค์  ไมเคิลแอนเจโลได้นำสวรรค์ในคตินิยมของคริสต์ศาสนามาแสดงกับอาคารสำคัญทางศาสนา  เพราะครั้งหนึ่งในอดีต  อาดัมและอีฟชายหญิงคู่แรกของโลกได้ประพฤติบาปจึงได้ถูกขับออกจากสวรรค์  และมนุษย์ปัจจุบันได้สูญเสียมันไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว  แต่ทุกคนก็ยังมีความใฝ่ฝันที่จะกลับคืนสถานที่นี้อีก  บนช่องสุดของโดม เขาได้ทำช่องปล่อยให้แสงสว่างเข้ามา  เปรียบประดุจดังแสงสว่างจากการประทานของพระผู้เป็นเจ้า  ซึ่งพระองค์ยังทรงมีพระกรุณาเมตตาปราณีต่อมวลมนุษย์ อยู่ตลอดกาล

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.56 Chrome 19.0.1084.56


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2555 11:31:01 »

อ้างถึง

     ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมหรือประติมากรรม
     ต่างสามารถเข้าหาความจริงของวิญญาณ
     สามารถเข้าหาความรักของพระผู้เป็นเจ้า
     มันได้เปิดทางไว้ให้แล้ว
     ที่ไม้กางเขน  ที่พระหัตถ์ของพระองค์
     ซึ่งทรงสวมกอดพวกเราไว้

                                        

                                   ไมเคิลแอนเจโล  บูโอนาร์โรตี

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
That's way
นักโพสท์ระดับ 9
****

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

United States United States

กระทู้: 601


สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 22.0.1229.79 Chrome 22.0.1229.79


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 28 กันยายน 2555 12:18:51 »









ส่วนหนึ่งจากผลงานมากมายของไมเคิล แองเจโล ที่หลายคนคุ้นตา


บันทึกการเข้า

อยากสูงต้องเขย่ง
  อยากเก่งต้องขยัน
คำค้น: ประวัติ michael 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.289 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 17 เมษายน 2567 15:10:32