[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 14:30:07 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "วัดตาปะขาวหาย" ฟื้นตำนานการหล่อพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก  (อ่าน 5290 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5392


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2556 17:18:17 »

.


ตำนานการหล่อพระพุทธชินราช
วัดตาปะขาวหาย  
อำเภอเมือง  จังหวัดพิษณุโลก

เมื่อปี พ.ศ.๑๘๙๘ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฏก รัชกาลที่ ๔ ในราชวงศ์พระร่วง เจ้ากรุงสุโขทัย ได้โปรดให้ช่างฝีมือดี กรุงศรีสัชนาลัย ร่วมกับช่างสวรรคโลก เชียงแสนและช่างหริภุญไชย ช่วยกันสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๓ องค์ คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา

ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีเถาะ พ.ศ.๑๘๙๘ ได้มงคลฤกษ์ทำพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ และเมื่อแกะพิมพ์ออก ปรากฏว่าพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ทองแล่นติดตลอด องค์พระสวยงาม  ส่วนพระพุทธชินราช ทองแล่นติดไม่เต็มองค์ พระองค์จึงรับสั่งให้นายช่าง ร่วมกันทำหุ่นและเททองอีกถึง ๓ ครั้ง ก็ไม่สำเร็จ พระองค์จึงตั้งสัตยาธิษฐาน เสี่ยงเอาบุญบารมีของพระองค์เป็นที่ตั้ง ทั้งทวยราษฎร์พร้อมกันรักษาศีล

กาลครั้งนั้น องค์อินทราธิราชเจ้า ประสงค์จะบำเพ็ญกุศลด้วยพระองค์เอง จึงได้จำแลงพระองค์เป็น “ตาปะขาว” รับเป็นนายช่างใหญ่ และได้เริ่มปั้นหุ่นขึ้นใหม่

ครั้นได้มหามงคลฤกษ์ วันพฤหัสบดีขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๑๙๐๐  ได้ประกอบพิธีเททองหล่อพระพุทธชินราช โดยมีองค์ตาปะขาวเป็นเจ้าพิธี ด้วยเทวานุภาพ การเททองครั้งนี้ทองแล่นเต็มองค์บริบูรณ์ตลอดองค์พระ สวยงามมิมีที่ติ  พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก ทรงปีติโสมนัสเป็นล้นพ้น จึงตรัสหานายช่างตาปะขาวเข้าเฝ้าเพื่อพระราชทานรางวัล ปรากฏว่าองค์ตาปะขาวได้เดินเลียบริมแม่น้ำน่านขึ้นเหนือ และได้หายตัวกลับวิมาน ณ บริเวณนี้  พระองค์ได้โปรดให้สร้างวัดขึ้น และพระราชทานตั้งชื่อว่า “วัดตาปะขาวหาย” ในปี พ.ศ. ๑๙๐๐ ไว้เป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ จนถึงทุกวันนี้  
คัดจาก ... แผ่นป้ายจารึกในศาลเทพตาปะขาว วัดตาปะขาวหาย



พระอุโบสถ วัดตาปะขาวหาย


วิหารเก่า ของวัดตาปะขาวหาย

วัดตาปะขาวหาย
ฟื้นตำนานการหล่อพระพุทธชินราช

วัดตาปะขาวหาย ตั้งอยู่หมู่ที่ ๔ ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สันสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นสมัยสุโขทัยตอนต้น  แต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า “วัดเตาไห” เพราะเป็นวัดที่อยู่ในละแวกหมู่บ้านที่ปั้นเตาและไห มีหลักฐานสำคัญได้แก่เตาทุเรียงโบราณ ซึ่งกรมศิลปากรบูรณะซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว พร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ยังไม่มีป้ายบอกเส้นทางไปแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว

วัดตาปะขาวหาย ตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันออก ริมแม่น้ำน่าน  ในอดีตถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลกัดเซาะตลิ่ง จนวัดจมลงในแม่น้ำน่านสองครั้งมาแล้ว หลักฐานคือใบเสมาและใบอุโบสถซึ่งยังจมอยู่กลางแม่น้ำน่าน  สมัยก่อนยังไม่ได้ก่อสร้างเขื่อน  เมื่อถึงฤดูแล้ง น้ำในแม่น้ำลดระดับ จะแลเห็นใบเสมาและอุโบสถ  นอกเหนือจากนั้นยังพบฐานเจดีย์ซึ่งก่อด้วยอิฐเป็นจำนวนมากที่ริมตลิ่งแม่น้ำน่าน ศาสนสถาน ศาสนวัตถุของวัดตาปะขาวหายที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ก่อสร้างขึ้นใหม่และนับเป็นการก่อสร้างครั้งที่สาม




ศาลาช่องฟ้า จุดที่ชีปะขาวหายตัวไป  
สร้างก่ออิฐถือปูน ทาสีชมพูอมส้ม


ประตูหน้าและหลัง มีรูปปั้นยักษ์ด้านละ ๒ ตน
เข้าไปเที่ยวชมในวัดเข้าใจว่าคือศาลาสีชมพูอมส้มคือวิหารเก่าแก่  
แต่คุณป้าที่ช่วยกิจกรรมในวัด เล่าว่าสถานนี้ เรียกว่าศาลาช่องฟ้า
เมื่อหล่อพระพุทธชินราชเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตาปะขาวเดินเลาะเรียบ
ริมแม่น้ำน่านขึ้นไปทางเหนือ เมื่อมาถึงจุดที่ก่อสร้างศาลาช่องฟ้าแห่งนี้
เทพตาปะขาวได้หายตัวไป ซึ่งขณะหายตัวนั้น มีควันขาวหนาแน่น
จากพื้นดินเป็นช่องกลวงขึ้นไปบนท้องฟ้า  เมื่อหมอกควันจางหายไป
ก็ไม่ปรากฏมีใครพบเห็นเทพตาปะขาวนั้นอีก


ราหูอมจันทร์ ข้างศาลาช่องฟ้า




ศาลเทพตาปะขาว  ภายในบริเวณวัดตาปะขาวหาย



ศาลาสวดมนต์ วัดตาปะขาวหาย
เป็นศาลาเก่า อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม
ปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้แล้ว





Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ธันวาคม 2560 14:11:28 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.359 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มีนาคม 2567 18:03:43