.ทะเลสวย น้ำใส เที่ยวประทับใจ
...ไป... กระบี่ จังหวัดกระบี่ เป็นจังหวัดขนาดเล็กที่มากด้วยทรัพยากรท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติทางทะเลที่สวยงามมาก และมีมรดกวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ที่ผสมผสานการดำรงชีวิตของผู้คนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา และความเชื่อทางวัฒนธรรมประเพณีที่ต่างกัน ประชากรของจังหวัดกระบี่ นับถือศาสนาพุทธประมาณร้อยละ ๕๙ ศาสนาอิสลามประมาณร้อยละ ๔๐ ศาสนาคริสต์ประมาณร้อยละ ๐.๒๒ และศาสนาอื่นๆ ร้อยละ ๐.๔๓ โดยมีศาสนสถานที่เป็นวัดและที่พักสงฆ์ ๑๒๐ แห่ง มัสยิด ๑๘๙ แห่ง และโบสถ์คริสตจักร ๘ แห่ง
จังหวัดกระบี่ ตั้งอยู่ทางฝั่งชายทะเลด้านตะวันตกของภาคใต้ ติดกับทะเลอันดามัน อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร โดยทางรถยนต์ประมาณ ๙๔๕ กิโลเมตร ลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนจำนวน ๒๕๗ ภูเขา ยาวทอดตัวไปในแนวเหนือสลับใต้ ส่วนมากจะเป็นเขาหินปูน มีโพรงถ้ำ มีหินงอกหินย้อยสวยงาม บริเวณด้านตะวันตกเป็นที่ราบชายฝั่งติดกับทะเลอันดามัน ยาวประมาณ ๑๖๐ กิโลเมตร ประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ จำนวน ๑๕๔ เกาะ แต่เป็นเกาะที่มีประชากรอาศัยอยู่เพียง ๑๓ เกาะ เกาะที่สำคัญได้แก่ เกาะลันตา เป็นที่ตั้งของอำเภอเกาะลันตา เกาะห้อง เกาะศรีบอยา เกาะรอก และหมู่เกาะพีพี ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมือง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามติดอันดับโลก
จังหวัดกระบี่ได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญถึง ๕๒ แห่ง ประกอบด้วย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์/โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม/หัตถกรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชน ในแต่ละปีจึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนจำนวนมาก ส่งผลสำคัญทำให้ภาคบริการของจังหวัดขยายตัวอย่างรวดเร็วนำรายได้มาสู่จังหวัดในปีหนึ่งๆ เป็นจำนวนสูงมากคณะสามัคคีรวมหัวเที่ยวของเราเดินทางมุ่งหน้าสู่อ่าวพระนางโดยเหมาเรือสปีดโบ้ต speedboat จำนวน ๒ ลำ (ค่าเรือลำละประมาณ ๑๙,๐๐๐ บาท...ราคาแล้วแต่ขนาดของเรือ) ออกจากหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานแห่งชาติลำดับที่ ๔๗ ของประเทศ ..ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑๐ นาที ถึงอ่าวพระนาง..หนึ่งในสถานท่องเที่ยวที่มีความเกี่ยวพันกับตำนานโบราณ ที่เล่าขานสืบต่อกันมาเนิ่นนานว่า...
...ตายมดึงกับภรรยามีความปราถนาอยากได้ลูก จึงไปอ้อนวอนขอลูกกับนาค พญานาคตอบตกลงแต่มีข้อแม้ว่าหากตายมดึงได้ลูกเป็นหญิง ต้องให้แต่งงานกับลูกชายของตน ตายมดึงตอบตกลง ต่อมาไม่นานภรรยาตายมดึงตั้งครรภ์ เมื่อครบกำหนดได้คลอดลูกออกมาเป็นหญิง จึงตั้งชื่อบุตรว่า “นาง” นางเจริญวัยเข้าสู่วัยสาวและเกิดความรักกับ “บุญ” ลูกชายของตาวาปราบ แม้จะไม่เต็มใจเท่าใดนัก แต่ด้วยความรักของผู้เป็นบิดามารดาที่มีต่อบุตร ในที่สุดตายมดึงและตาวาปราบจำต้องจัดงานแต่งให้กับนางและบุญ
เมื่อพญานาคได้รับข่าวก็โกรธแค้นที่ครอบครัวตายมดึงไม่รักษาสัจจะสัญญาที่ว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของตน ในวันงานแต่งงานพญานาคจึงจำแลงกายเป็นมนุษย์เข้าอาละวาดแย่งชิงตัวนาง ฤๅษีซึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ได้ออกมาห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดฤๅษีจึงสาปทุกอย่างให้กลายเป็นหิน เรือนหอกลายเป็น “ถ้ำพระนาง” ข้าวเหนียวกวนกลายเป็น “สุสานหอย” ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ กลายเป็น “เกาะหม้อ” “เกาะทัพ” และเกาะอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง ส่วนพญานาคได้กลายเป็น “เขาหางนาค” ในปัจจุบัน ถ้ำพระนาง เป็นถ้ำขนาดเล็กของภูเขาหินปูน มีหินงอกหินย้อยสวยงามสลับซับซ้อนเป็นชั้นๆ
หน้าปากถ้ำเป็นที่ตั้ง
ศาลพระนาง อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ผู้คนนำดอกไม้ พวงมาลัยมากราบขอพร
หรือบนบานต่างๆ นานา แต่โดยมากมักขอให้มีบุตร และเมื่อสมความปราถนาก็นำศิวลึงค์มาถวาย
ศิวลึงค์ ที่นำมาวางแก้บน มีขนาดแตกต่างกันไป
ทั้งนี้ คงเป็นไปตามฐานะทางการเงินของผู้นำมาถวายนั่นเอง
ชายฝั่งทะเล ริมโตรกผาหน้าถ้ำพระนาง ทรายสีขาว ชายหาดยาวไกล น้ำใสสะอาด...
แต่ชายหาดทรายมีเศษเปลือกหอย และเศษปะการังมาก ต้องคอยระวังเกรงว่าจะตำฝ่าเท้า
กีฬาปีนหน้าผาหน้าผาอ่าวพระนาง มีชื่อเสียงติดอันดับโลก
หน้าผาสูงชันของภูเขาอ่าวพระนาง เป็นที่ที่นักกีฬาแนวผจญภัยต่างใฝ่ฝันมาฝึกทักษะ
การใช้กำลัง ความคล่องตัว ความรอบคอบ ปีนป่ายให้ผ่านชะง่อนหินที่สูงชัน
ด้วยสมาธิที่มั่นคงให้ถึงที่หมายตามที่ตั้งใจไว้ เพราะหากตัดสินใจผิดพลาด
อาจเกิดการบาดเจ็บและเป็นอันตรายถึงชีวิต
"สตรี" นักปีนเขาชาวตะวันตก ค่อยๆ ปีนและติดตั้งจุดป้องกันอันตรายต่างๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
ตามเส้นทางที่ปีน การปีนแบบนี้ ต้องใช้สมาธิ ความเชี่ยวชาญสูง
มนุษย์แมงมุม... ไต่เขาสูงชันด้วยมือเปล่าได้อย่างชำนาญ
และรวดเร็วมาก ยืนดูอยู่รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวเขาตกลงมาตาย
(ชายผู้นี้ถอดเสื้อ ใส่กางเกงสีเทา..อยู่ติดกับยอดกิ่งไม้ ทางซ้ายเกือบล่างสุดของภาพ)
.ไปดำน้ำดูปลา?...ปลาดูเรา?!!..จากถ้ำพระนาง เรือเร็วพาคณะเราไปยังจุดหมายแห่งที่สอง
เรือทอดสมอชายหาดเกาะกลางทะเลอันดามัน ให้พวกเราได้สนุกสนาน
กับการดำน้ำดูปลาสวยงามในน้ำใสแจ๋วลึกราว ๕-๖ เมตร มองเห็นฝูงปลาเสือตัวสีดำกลมป้อม
ลายริ้วสีเหลืองสด น้ำทะเลสวยใสราวกระจกมองเห็นพื้นท้องทะเลได้อย่างชัดเจน
ไกด์ของเราสอนวิธีการใส่เครื่องดำน้ำ ตรวจสอบเสื้อชูชีพและอุปกรณ์ดำน้ำ
จึงปล่อยให้พวกดำน้ำตามอัธยาศัย
สัมผัสปรากฏการณ์ทะเลแหวกหนึ่งในห้าสิบสองแห่ง ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจังหวัดกระบี่ หลังจากการดำน้ำดูปลาแล้ว (มีบางคนทุรนทุรายให้ปลาดู) เรือพาคณะเรามาส่งที่เกาะๆ หนึ่ง (ขออภัยลืมชื่อเกาะ) เพื่อรับประทานอาหารกลางวันแบบบุบเฟต์ที่ได้จ้างจัดเตรียมหุงหาไว้รอท่าแล้ว มีกับข้าวสามอย่าง มีแกงเหลืองปลาทะเลตัวโตกับยอดมะพร้าวอ่อนรสชาติจัดจ้าน ผัดผักรวม และไก่ทอด กับข้าวสวยร้อนๆ และน้ำอัดลมกระป๋องแช่เย็นเฉียบ (Pepsi) เรารับประทานข้าวไปดูนักท่องเที่ยวเดินไปเดินมาบนสันดอนทรายที่เชื่อมระหว่างเกาะสองเกาะ เพราะเป็นเวลาที่น้ำลดระดับพอให้คนเดินข้ามไปมาได้
เมื่อรับประทานข้าวเรียบร้อยพวกเราจะต้องเดินในทะเลแหวกไปยังเกาะที่อยู่ตรงข้ามเพื่อขึ้นเรือ ซึ่งเรือได้ล่วงหน้าไปรอที่เกาะแห่งนั้น หลังจากได้ส่งพวกเราทิ้งไว้ที่เกาะแห่งนี้. ทะเลแหวก คือสันดอนทราย ที่เกิดขึ้นทอดยาวกลางทะเล จากเกาะสามเกาะ คือเกาะไก่ เกาะหม้อ และเกาะทัพ ในทะเลอันดามัน ในแต่ละวันจะมีช่วงเวลาที่น้ำลดระดับลง ดุจทะเลแหวกออกจนกลายเป็นช่องหาดทรายแนวยาวขาวสะอาด เชื่อมเกาะสองเกาะให้นักท่องเที่ยวได้เดินอยู่กลางทะเลไปเที่ยวชมเกาะอีกเกาะหนึ่งได้อย่างน่าอัศจรรย์
ทะเลแหวก สามารถเดินเที่ยวชมได้ดีที่สุดในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะวันก่อนและหลังวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ราว ๕ วัน ระหว่างเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปีเกาะแห่งแรก ที่เรือแวะส่งพวกเราให้รับประทานอาหาร และรอน้ำลด (ทะเลแหวก)
สันดอนทรายปรากฏชัดเจน เดินได้อย่างสบาย
แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้แต่ต้น ทรายที่กระบี่มากด้วยเศษเปลือกหอยและเศษปะการัง
จึงต้องระมัดระวังในการเดิน
พอใกล้ถึงอีกเกาะหนึ่ง น้ำจะลึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับตามภาพ
แต่ก็เดินไม่ยากมากนัก เพราะน้ำใสแจ๋ว สามารถมองเห็นกรวดและทรายใต้ผืนน้ำ