เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 MS Internet Explorer 8.0
|
 |
« เมื่อ: 18 ตุลาคม 2553 20:39:52 » |
|
มิลินทปัญหามิลินทปัญหา วรรคที่ ๑
ปัญหาที่ ๑ ถามชื่อ ครั้งนั้น พระเจ้ามิลินท์ได้เสร็จไปหาพระนาคเสนแล้ว ทรงปราศรัยพอให้เกิดความร่าเริงยินดีแล้วก็ประทับนั่ง ฝ่ายพระนาคเสนก็แสดงความชื่นชมยินดี ทำให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ามิลินท์ ลำดับนั้น พระองค์จึงตรัสถามปัญหาข้อแรกต่อพระนาคเสนขึ้นว่า
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โยมประสงค์จะสนทนาด้วย " พระนาคเสนถวายพระพรตอบว่า " เชิญสนทนาเถิด มหาบพิตร อาตมภาพใคร่จะฟัง " " โยมสนทนาแล้ว ขอผู้เป็นเจ้าจงฟังเถิด " " อาตมภาพฟังอยู่แล้ว มหาบพิตรเชิญเจรจาเถิด "
" พระผู้เป็นเจ้าได้ฟังว่าอย่างไร ? " " ก็มหาบพิตรเจรจาว่าอย่างไร ? " " โยมจะถามพระผู้เป็นเจ้า " " จงถามเถิด มหาบพิตร " " โยมถามแล้ว " " อาตมภาพก็แก้แล้ว "
" พระผู้เป็นเจ้าแก้ว่าอย่างไร ? " " ก็มหาบพิตรถามว่าอย่างไร ? "
เมื่อพระเถระตอบอย่างนี้แล้ว พวกโยนกเสนาทั้ง ๕๐๐ ก็เปล่งเสียง สาธุการ ถวายพระนาคเสน แล้วกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า " ข้าแต่มหาราชเจ้า คราวนี้ขอพระองค์จงตรัสถามปัญหาต่อไปเถิดพระเจ้าข้า "  : http://agaligohome.fx.gs/index.php?topic=205.0
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กรกฎาคม 2555 19:24:04 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: จัดหน้าค่ะ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #141 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 13:51:06 » |
|
ปัญหาที่ ๑๑ ถามถึงผู้ที่ไปอุตตรกุรุทวีปและสวรรค์
" ข้าแต่พระนาคเสน ผู้ไปสู่อุตตรกุรุทวีปหรือพรหมโลก หรือไม่ทวีปอื่น ด้วยกายนี้มีอยู่หรือ ? " " ขอถวายพระพร มีอยู่ " " ข้อนี้คืออย่างไร พระผู้เป็นเจ้า ? " " ขอถวายพระพร มหาบพิตรเคยกระโดดที่แผ่นดินนี้ได้คืบหรือศอก? " " อ๋อ...โยมเคยกระโดดได้ ๘ ศอก ? " " ขอถวายพระพร มหาบพิตรกระโดดอย่างไร...จึงได้ถึง ๘ ศอก ? " " พอโยมคิดว่าจะกระโดด กายของโยมก็เบา โยมจึงกระโดดได้ถึง ๘ ศอก " " ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือภิกษุผู้มีฤทธิ์ มีอำนาจทางจิตภาวนา อธิษฐานจิตแล้ว ก็เหาะไปสู่เวหาสได้" " ถูกแล้ว พระนาคเสน "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #142 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 13:56:29 » |
|
ปัญหาที่ ๑๒ ถามเรื่องกระดูกยาว
" ข้าแต่พระนาคเสน มีคำกล่าวว่า มีกระดูกยาวตั้ง ๑๐๐ โยชน์ โยมไม่เชื่อ เพราะต้นไม้ที่สูงตั้ง ๑๐๐ โยชน์ ก็ยังไม่มี กระดูกที่ไหนจักยาวตั้ง ๑๐๐ โยชน์" " ขอถวายพระพร มหาบพิตรเคยได้ทรงสดับหรือไม่ว่า ปลาในมหาสมุทร ตัวยาวตั้ง๕๐๐ โยชน์ มีอยู่?" " เคยฟัง พระผู้เป็นเจ้า " " ถ้าอย่างนั้น กระดูกของปลาที่มีตัวยาวตั้ง ๕๐๐ โยชน์ จักยาวตั้ง ๑๐๐ โยชน์มิใช่หรือ ? " " ใช่แล้ว พระผู้เป็นเจ้า "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #143 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 14:03:24 » |
|
ปัญหาที่ ๑๓ ถามเรื่องเกี่ยวกับลมหายใจ
" ข้าแต่พระนาคเสน บุคคลอาจทำลมหายใจให้ดับได้หรือ? " " ขอถวายพระพร ได้ " " ได้อย่างไร...พระผู้เป็นเจ้า ? " " ขอถวายพระพร มหาบพิตรเคยได้ยินเสียงคนนอนกรนบ้างหรือ? " " อ๋อ..เคยซิ พระผู้เป็นเจ้า" " ขอถวายพระพร เวลาเขาพลิกกายเสียงกรนเงียบไปไหม ?" " เงียบไป พระผู้เป็นเจ้า " " ขอถวายพระพร เสียงกรนนั้นเป็นเสียงของผู้ไม่ได้อบรมกาย ไม่ได้อบรมศีล ไม่ได้อบรมจิต แต่เมื่อพลิกตัวก็ยังหายไป ส่วนลมหายใจของผู้ได้อบรมกาย อบรมศีล อบรมจิต เข้าจตุตถฌาน จะไม่ดับหรือ...มหาบพิตร ? " " ชอบแล้ว พระนาคเสน "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #144 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 14:12:16 » |
|
ปัญหาที่ ๑๔ ถามว่าอะไรเป็นสมุทร
" ข้าแต่พระนาคเสน มีคำกล่าวกันอยู่ว่า " สมุทร ๆ " น้ำหรือชื่อว่าสมุทร ? " " ขอถวายพระพร น้ำเค็มมีอยู่ในที่เท่าใดที่เท่านั้นแหละ เรียกว่าสมุทร " " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เหตุใดสมุทรจึงมีรสเดียว คือรสเค็ม? " " ขอถวายพระพร เพราะมีน้ำขังอยู่นานจึงเค็ม "
" สมควรแล้ว พระนาคเสน "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #145 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 14:20:52 » |
|
ปัญหาที่ ๑๕ ถามเรื่องการตัดสิ่งที่สุขุม
" ข้าแต่พระนาคเสน บุคคลอาจตัดสิ่งที่สุขุมกว่าสิ่งทั้งหลายได้หรือ? " " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า อะไรชื่อว่าเป็นสิ่งสุขุมกว่าสิ่งทั้งหลาย" " ขอถวายพระพร พระธรรม ชื่อว่าสุขุมกว่าสิ่งทั้งหลาย แต่ธรรมะไม่ใช่สุขุมไปทั้งหมด คือ สุขุมก็มี หยาบก็มี แต่ว่าสิ่งที่ควรตัดด้วยปัญญามีอย่างเดียว คือ ธรรมะ นอกจากนั้นไม่มี " " ชอบแล้ว พระนาคเสน "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #146 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 14:25:14 » |
|
ปัญหาที่ ๑๖ ถามความต่างกันแห่งวิญญาณเป็นต้น
" ข้าแต่พระนาคเสน ปัญญา วิญญาณ ชีพในภูต เหล่านี้ มีอรรถะ พยัญชนะต่างกันหรือว่ามีอรรถะอย่างเดียวกัน มีพยัญชนะต่างกัน ? " " ขอถวายพระพร วิญญาณ มีการ รู้สึก เป็นลักษณะ ปัญญา มีการ รู้ทั่ว เป็นลักษณะ ชีพในภูต คือในผู้ที่เกิดแล้วไม่มี" " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าไม่มีชีพเป็นตัวเป็นตน ก็ใครเล่าเห็นรูปด้วยตา ได้ฟังเสียงด้วยหู สูดกลิ่นด้วยจมูก ลิ้มรสด้วยลิ้มสัมผัสด้วยกาย รู้จักอารมณ์ด้วยใจ ?" " ขอถวายพระพร ถ้าชีพเห็นรูปด้วยตาตลอดถึงรู้จักอารมณ์ด้วยใจแล้วเมื่อเปิดตาขึ้น ชีพนั้นก็ต้องมีหน้าไปข้างนอก ต้องได้เห็นรูปดาวได้ดีเมื่อเปิดหู จมูก ลิ้น กาย ใจ ชีพนั้นก็ต้องหันหน้าไปภายนอก รู้จักอารมณ์ได้ดีอย่างนั้นหรือ ? " " ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า " " ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น ชีพก็ไม่มีในภูต " " ชอบแล้ว พระนาคเสน "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #147 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 14:30:19 » |
|
ปัญหาที่ ๑๗ ถามถึงเรื่องสิ่งที่ทำได้ยากของพระพุทธเจ้า
" ข้าแต่พระนาคเสน สิ่งที่ทำได้ยากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำนั้น ได้แก่อะไร ? " " ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งที่ทำได้ยาก ได้แก่การทรงแสดงซึ่งธรรมอันไม่มีรูปร่าง อันมีอยู่ในจิต เจตสิกอันเป็นไปในอารมณ์อันเดียวเหล่านี้ได้ว่า อันนี้เป็นผัสสะ อันนี้เป็นเวทนา อันนี้เป็นสัญญา อันนี้เป็นเจตนา อันนี้เป็นจิต " " ขอนิมนต์อุปมาด้วย " " ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนกับบุรุษคนหนึ่งลงเรือไปที่มหาสมุทร วักน้ำขึ้นมาวางไว้ที่ลิ้น ก็รู้ว่านี้เป็นน้ำคงคา นี้เป็นน้ำยมนา นี้เป็นน้ำสรภู นี้เป็นน้ำอจิรวดี นี้เป็นน้ำมหิ ดังนี้ได้ เป็นของง่ายหรือยากล่ะ ?" " เป็นของยาก พระผู้เป็นเจ้า " " ขอถวายพระพร การที่พระพุทธเจ้าทรงบอกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ที่มีในจิตใจ ที่เป็นอารมณ์อันเดียวกันว่า นี้เป็นผัสสะ นี้เป็นเวทนา นี้เป็นสัญญา นี้เป็นเจตนา นี้เป็นจิต ดังนี้ยิ่งยากกว่านั้น " " ถูกดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #148 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 15:44:52 » |
|
ปัญหาที่ ๑๘ พระเจ้ามิลินท์ทรงเลื่อมใสได้ปวารณาพระนาคเสน
พระนาคเสนถวายพระพรว่า " มหาบพิตรทรงทราบว่า เวลานี้เป็นเวลาอะไรแล้ว ? " " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โยมทราบว่าเวลานี้เป็นเวลามัชฌิมยามแล้ว เพราะคบเพลิงสว่างไสว " ขณะนั้นพวกเจ้าพนักงานก็นำผ้า ๕ พับมาถวาย ข้าราชการโยนกทั้งหลายก็ทูลขึ้นว่า " พระภิกษุองค์นี้ฉลาดมาก เป็นบัณฑิตแท้ พระเจ้าข้า" พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า " ถูกแล้ว...เธอทั้งหลาย ถ้ามีอาจารย์อย่างนี้ มีศิษย์อย่างนี้ ไม่ช้าก็ต้องรู้ธรรมะได้ดี " พระเจ้ามิลินท์ทรงยินดีด้วยการแก้ปัญหาของพระนาคเสน จึงถวายผ้ากัมพลราคาแสนตำลึงแก่พระนาคเสนแล้วตรัสว่า " ข้าแต่พระนาคเสน จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป โยมจะให้จัดอาหารไว้วันละ ๑๐๘ สำรับ สิ่งใดที่สมควรอันมีในพระราชวังนี้ โยมขอปวารณาพระผู้เป็นเจ้าทั้งนั้น" " อย่าเลย มหาบพิตร อาตมภาพพอมีชีวิตอยู่ได้ก็แล้วกัน" พระเจ้ามิลินท์ตรัสต่อไปว่า " ข้าแต่พระนาคเสน โยมรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าพอมีชีวิตอยู่ได้ ก็แต่ว่าขอพระผู้เป็นเจ้าจงรักษาตัวของพระผู้เป็นเจ้า และรักษาตัวของโยมไว้ ข้อที่ว่า ขอให้พระผู้เป็นเจ้ารักษาตัวพระผู้เป็นเจ้าไว้นั้น
คืออย่าให้มีผู้ติเตียนได้ว่าพระนาคเสนทำให้พระเจ้ามิลินท์ทรงเลื่อมใสแล้ว ก็ไม่ได้อะไร ข้อที่ว่า ขอให้รักษาตัวโยมไว้นั้น คืออย่างไร...คืออย่าให้มีผู้กล่าวได้ว่า พระเจ้ามิลินท์ทรงเลื่อมใสแล้ว ไม่ได้ทรงแสดงอาการเลื่อมใสแต่อย่างใด" พระเถระจึงตอบว่า " แล้วแต่พระราชประสงค์ " พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสว่า " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พญาราชสีห์อันบุคคลขังไว้ในกรงทอง ย่อมหันหน้าไปภายนอกฉันใด ถึงโยมจะอยู่ครองบ้านครองเมือง ก็หันหน้าไปภายนอกฉันนั้น ถ้าโยมออกไปบรรพชา ก็จะมีชีวิตอยู่ไม่นาน เพราะศัตรูโยมมีมาก "
แสดงความชื่นชมต่อกัน
ครั้นพระนาคเสนเถระแก้ปัญหาพระเจ้ามิลินท์เสร็จแล้ว จึงกลับไปสู่สังฆาราม เมื่อพระนาคเสนกลับไปแล้วไม่ช้า พระเจ้ามิลินท์ก็ทรงคิดดูว่า เราได้ถามเป็นอย่างไร พระผู้เป็นเจ้าแก้เป็นอย่างไร จึงทรงนึกได้ว่า สิ่งทั้งปวงเราก็ได้ถามดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้าก็ได้แก้ดีแล้ว ฝ่ายพระนาคเสนก็นึกอย่างเดียวกันกับพระเจ้ามิลินท์ เช้าขึ้นจึงได้ครองจีวรสะพายบาตรเข้าไปที่พระราชนิเวศน์ แล้วนั่งลงบนอาสนะ พระเจ้ามิลินท์กราบไหว้แล้ว จึงตรัสขึ้นว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน ขอพระผู้เป็นเจ้าอย่าคิดว่า โยมได้ถามปัญหาพระนาคเสนแล้ว พระผู้เป็นเจ้าย่อมให้ราตรีที่ยังเหลืออยู่ สิ้นไปด้วยความยินดีนั้น ขออย่าเห็นอย่างนี้ "
โยมได้นึกอยู่ตลอดราตรีว่า การถามของเราเป็นอย่างไร การแก้ของพระผู้เป็นเจ้าเป็นอย่างไร ก็นึกได้ว่า เราถามดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้าแก้ดีแล้ว พระเถระก็ตอบว่า
" ขอถวายพระพร ขอมหาบพิตรอย่าคิดว่า อาตมภาพได้แก้ปัญหาของพระเจ้ามิลินท์แล้ว มหาบพิตรย่อมทรงบรรทมหลับตลอดราตรีที่ยังเหลืออยู่ด้วยความยินดีนั้น ขออย่าทรงเห็นอย่างนี้ อาตมภาพได้คิดอยู่ตลอดราตรีที่ยังเหลืออยู่ว่า พระเจ้ามิลินท์ถามอะไรแล้ว เราได้แก้อะไรแล้ว ก็นึกได้ว่า พระเจ้ามิลินท์ได้ถามสิ่งทั้งปวงแล้ว เราก็ได้แก้สิ่งทั้งปวงแล้ว "
เป็นอันว่า ปราชญ์ทั้งสองนั้น ได้แสดงความชื่นชมยินดีต่อกันและกันอย่างนี้
จบวรรคที่ ๗ จบมิลินทปัญหา
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มกราคม 2554 18:17:35 โดย เงาฝัน »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #149 เมื่อ: 09 มกราคม 2554 18:32:52 » |
|
มิลินทปัญหา นอกวรรค โคตมีปัญหา เรื่องถวายผ้าของพระนางโคตมี พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า" ข้าแต่พระนาคเสน เมื่อ พระมหาปชาบดีโคตมี จะถวายผ้าคู่ใหม่แก่พระพุทธเจ้านั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า " ขอพระนางจงถวายสงฆ์เถิด เมื่อพระนางถวายสงฆ์แล้ว ก็จักเป็นอันบูชาแก่เราด้วยบูชาสงฆ์ด้วย " ดังนี้ โยมจึงขอถามว่า พระตถาคตเจ้าไม่เป็นผู้มีพระคุณหนัก มีพระคุณวิเศษ เป็นผู้ควรแก่ถวายกว่าพระสงฆ์หรือ เพราะว่าผ้าคู่นั้นเป็นผ้าที่พระเจ้าแม่น้าทรงปลูกฝ้ายเอง เก็บเอง ดีดเอง ปั่นเอง กรอเอง ทอเอง ถ้าพระตถาคตเจ้ามีพระคุณยิ่งกว่าวิเศษกว่าพระสงฆ์แล้ว ก็จะต้องตรัสว่า เมื่อถวายเราก็จักมีผลมาก ต้องไม่ให้ถวายสงฆ์ เพราะเหตุที่พระตถาคตเจ้าไม่ให้ถวายพระองค์ ให้ถวายแก่พระสงฆ์เสียนี้แหละ โยมจึงยังสงสัยอยู่ ขอพระผู้เป็นเจ้าจงแก้ไขให้โยมสิ้นสงสัยเถิด "
" พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า " " เมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมีผู้เป็นพระเจ้าแม่น้า น้อมนำผ้ามาถวาย พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า จงถวายสงฆ์ เมื่อถวายสงฆ์แล้วเป็นอันเชื่อว่า บูชาเราด้วย บูชาสงฆ์ด้วย ที่ไม่ได้ทรงโปรดให้ถวายพระองค์นั้น ไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นผู้ไม่ควรเคารพ หรือไม่ควรถวาย เป็นเพราะทรงเล็งเห็นประโยชน์ในอนาคตว่า เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว สงฆ์จักเป็นที่สักการบูชา เมื่อจะทรงยกย่องคุณของสงฆ์ให้ปรากฏ จึงได้ตรัสว่า ขอพระนางจงถวายสงฆ์ เมื่อถวายสงฆ์แล้ว จักเป็นอันชื่อว่าได้บูชาเราด้วย ได้บูชาสงฆ์ด้วย"
อุปมาเหมือนบิดายกย่องบุตร" เปรียบเหมือนบิดาเมื่อยังมีชีวีตอยู่ ย่อมยกย่องคุณความดีอันมีอยู่ของบุตร ในที่เฝ้าพระราชาซึ่งประทับในท่ามกลางของหมู่อำมาตย์นายประตู หมู่โยธา ราชบริพาร ทั้งหลายให้ปรากฏ ด้วยคิดว่าต่อไปข้างหน้า บุตรของเราจักได้เป็นที่บูชาของคนทั้งหลาย ข้อนี้มีอุปมาฉันใด พระตถาคตเจ้าเมื่อจะทรงยกย่องคุณของพระสงฆ์ในปรากฏ ดัวยทรงเล็งเห็นประโยชน์ในอนาคตว่า เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว สงฆ์จักเป็นที่บูชาของคนทั้งหลายจึงได้ตรัสว่า " จงถวายแก่สงฆ์ เมื่อถวายสงฆ์แล้วจักเป็นอันบูชาเราด้วย บูชาสงฆ์ด้วย " ฉันนั้น ขอถวายพระพร ไม่ใช่ว่าสงฆ์จะมีคุณยิ่งวิเศษกว่าพระตถาคตเจ้า เพียงด้วยเหตุที่โปรดให้ถวายผ้าเท่านั้น อีกประการหนึ่ง มารดาบิดาย่อมให้บุตรนุ่งผ้า แต่งตัวให้บุตร อาบน้ำให้บุตรขัดสีให้บุตรเป็นธรรมดา บุตรเป็นผู้ยิ่งกว่าหรือวิเศษกว่ามารดาบิดา ด้วยเหตุเพียงมารดาบิดานุ่งผ้าให้แต่งตัวให้ อาบน้ำให้ ขัดสีให้เท่านั้นหรืออย่างไร ? " " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่บุตรประเสริฐกว่ามารดาบิดาด้วยเหตุเพียงเท่านี้" "ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ไม่ใช่พระสงฆ์ยิ่งกว่า วิเศษกว่า ด้วยเหตุเพียงโปรดให้ถวายผ้าเท่านั้น แต่เมื่อพระตถาคตเจ้าจะทรงกระทำสิ่งที่ควรกระทำแก่สงฆ์ จึงโปรดให้ถวายผ้าแก่สงฆ์ "
อุปมาเหมือนพระราชา" อีกอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามีบุรุษคนใดคนหนึ่ง น้อมนำเครื่องบรรณาการมาถวายพระราชา พระราชาได้พระราชทานเครื่องบรรณาการนั้นแก่ข้าราชการ หรือทหาร หรือปุโรหิต คนใดคนหนึ่ง ผู้ที่ได้รับพระราชาทานนั้น จะได้ชื่อว่ายิ่งกว่า วิเศษกว่าพระราชา ด้วยเหตุเพียงได้รับพระราชาทานของนั้นเท่านั้นหรืออย่างไร? " " ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า " " ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือไม่ใช่พระสงฆ์เป็นผู้ยิ่งกว่า วิเศษกว่า พระตถาคตเจ้า ด้วยการให้ถวายผ้าเท่านั้น อีกประการหนึ่ง พระสงฆ์ย่อมเกิดจากพระตถาคตเจ้า เมื่อพระตถาคตเจ้าจะตั้งพระสงฆ์ไว้ในตำแหน่งควรบูชาแทนพระพุทธเจ้า จึงได้โปรดให้ถวายผ้า อีกประการหนึ่ง พระตถาคตเจ้าทรงดำริว่า พระสงฆ์เป็นผู้ควรบูชาอยู่ตามความจริงแล้วไม่ใช่ว่าพระตถาคตเจ้าจะทรงยกย่องพระสงฆ์ว่า เป็นผู้ควรบูชายิ่งกว่าพระองค์ อีกประการหนึ่ง ผู้ใดควรแก่การบูชา พระตถาคตเจ้าก็ทรงสรรเสริญการบูชานั้น ดูก่อน มหาราชะ มหาบพิตรพระราชสมภาร องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นวิสุทธิเทพยิ่งกว่าเทพยดาอื่น เมื่อจะทรงยกย่องข้อปฏิบัติ คือความมักน้อยไว้ ก็ได้ตรัสไว้ใน คัมภีร์มัชฌิมนิกาย อันว่าด้วยธรรมทายาทว่า " ภิกษุองค์ก่อนโน้น เป็นผู้ควรบูชากว่า ควรสรรเสริญกว่า" ดังนี้ ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งในโลก จะยิ่งกว่า วิเศษกว่า พระตถาคตเจ้า พระตถาคตเจ้าเป็นผู้ควรแก่การถวายทานเป็นผู้เยี่ยม เป็นผู้ยิ่ง " ภาษิตสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า ดูก่อนมหาราชะ มีเทวบุตรองค์หนึ่งชื่อว่า มาณวคามิกะ ได้กล่าวขึ้นในท่ามกลางเทพยดาและมนุษย์ ต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าว่า " ภูเขาเวปุลลบรรพต เป็นภูเขาประเสริฐกว่าภูเขาทั้งปวง อันมีในแขวงราชคฤห์ ภูเขาเสตบรรพต เป็นภูเขาใหญ่กว่าภูเขาทั้งหลายในป่าหิมพานต์ ดวงอาทิตย์ประเสริฐกว่าสิ่งที่มีในอากาศทั้งสิ้น มหาสมุทรใหญ่กว่าแม่น้ำทั้งหลาย ดวงจันทร์ดีกว่าดวงดาวทั้งหลาย พระพุทธเจ้าเลิศกว่ามนุษย์โลกและเทวโลกทั้งสิ้น " ดังนี้ คำนี้ มาณวคามิกะเทพบุตร ได้กล่าวไว้ถูกต้องดีแล้ว พระพุทธเจ้าก็ทรงเห็นชอบด้วยแล้ว อนึ่ง พระสารีบุตรเถระ ได้กล่าวไว้ว่า " ผู้ถึงสรณะ หรือยกมือไหว้ ด้วยใจเลื่อมใสต่อพระพุทธเจ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็อาจช่วยผู้นั้นให้ข้ามพ้นได้" ดังนี้ ส่วนองค์สมเด็จพระชินสีห์ผู้ทรงกำจัดพลมารเสียได้แล้ว ผู้เป็นวิสุทธิเทพยิ่งกว่าเทพยดาทั้งหลาย ก็ได้ตรัสไว้ว่า " บุคคลเอก เมื่อจะเกิดขึ้นในโลก ก็เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์สุขของโลก บุคคลเอกนั้นได้แก่ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" ดังนี้ ขอถวายพระพร " " ดีแล้ว พระนาคเสน โยมขอรับไว้ด้วยดีซึ่งการกล่าวแก้ปัญหาข้อนี้" จบนอกวรรคhttp://agaligohome.fx.gs/index.php?topic=205.135
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 2.0.0.20
|
 |
« ตอบ #150 เมื่อ: 19 มกราคม 2554 18:14:47 » |
|
Law of nature มิลินทปัญหาปรารภเมณฑกปัญหา ลำดับนั้น พระนาคเสนเถระได้กลับสู่สังฆารามอีก พระเจ้ามิลินท์ ผู้มีพระวาจาเฉลียวฉลาด ผู้ชอบไต่ถาม ผู้มีความรู้ยิ่ง ผู้เฉียบแหลม ได้เข้าใกล้พระนาคเสน เพื่อให้ความรู้แตกฉาน เมื่อมีการไต่ถามโต้เถียงกับพระนาคเสน อยู่เนือง ๆ ไม่ขาดสาย ก็มีความรู้แตกฉานชำนาญในพระไตรปิฎก
อยู่มาคืนวันหนึ่งเมื่อทรงรำลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า อันประกอบด้วย องค์ ๙ ก็ได้ทรงเห็น เมณฑกปัญหา (คือปัญหาสองแง่ ) อันเป็นปัญหาที่แก้ไขยาก ด้วยถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นปริยาย ( คือโดยอ้อม) ก็มี ตรัสไว้โดยอรรถะ ( คือมีความหมายลึกซึ้ง ) ก็มี เป็นคำของพระสาวก ก็มีอยู่
ความหมายของถ้อยคำเหล่านั้นเป็นของรู้ได้ยาก เปรียบเหมือนแพะชนกัน นานไปเบื้องหน้า จะเกิดวิววาทกันในถ้อยคำเหล่านั้น เราควรจักให้พระนาคเสนเลื่อมใสต่อเราแล้ว ให้กล่าวแก้ซึ่ง เมณฑกปัญหา คือปัญหาอัน อุปมาจับแพะชนกัน ให้แจ้งไว้ ปัญหาที่แก้ยากเหล่านั้น " จักมีผู้แก้ได้ " ตามทางที่ พระนาคเสน " ได้ชี้ไว้ "
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 มกราคม 2554 18:49:26 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: จัดหน้าค่ะ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 United Kingdom
กระทู้: 7886
• Big Bear •
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Chrome 2.0.157.2
|
 |
« ตอบ #152 เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2554 12:39:01 » |
|
ป้าแป๋ม กับ อ.มด เค้าสุดยอดอยู่แล้วครับ เรื่องรวบรวมข้อมูล ขนาดผมเล่นคอมมาทุกวัน ทั้งวัน ยังหาไม่ได้อย่างนี้เลย สมาชิกหลายท่านตอนนี้ เป็นมันสมองของเวบสุขใจไปแล้ว ถ้าไม่ได้พวกท่านเหล่านี้ คงไม่มีสาระความรู้ดี ๆ ได้ขนาดนี้แน่นอนครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
B l a c k B e a r : T h e D i a r y
|
|
|
คนดีศรีอยุธยา2
|
 |
« ตอบ #153 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2554 11:37:23 » |
|
 ที่สำคัญมันเป็นฉบับเดิมสะด้วยสิ ของ ส ธรรมภักดี มันมีเติมอ่านแล้วเยิ่นเย้อไม่กระชับ เก่งมากเลย แต่ไม่รู้คนที่มาลงได้อ่านด้วยป่าว ฮิฮิ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 United Kingdom
กระทู้: 7886
• Big Bear •
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
 Chrome 8.0.552.237
|
 |
« ตอบ #154 เมื่อ: 03 กุมภาพันธ์ 2554 19:14:22 » |
|
อ่านกันอยู่แล้วครับ สองท่านนั้น
บทความที่เอามาลงส่วนมาก จะอ่านกรองกันมาก่อนแล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
B l a c k B e a r : T h e D i a r y
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 5.0
|
 |
« ตอบ #155 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2554 11:31:55 » |
|
ทรงสมาทานวัตรบท ๘
เมื่อพระเจ้ามิลินทร์ทรงดำริดังนี้แล้ว รุ่งเช้าขึ้นก็เสด็จเข้าสู่ที่สระสรง ทรงประดับประดาพระองค์ดีแล้ว ก็ทรงระลึกถึงสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าในอดีต อนาคต ปัจจุบัน แล้วทรงสมาทานวัตรบท ๘ ว่า เราจะประพฤติตบะ จักทำให้อาจารย์ยินดีแล้ว จักถามปัญหา ทรงดำริดังนี้แล้ว ก็ทรงเปลื้องเครื่องประดับของกษัตริย์ ทรงแต่งพระองค์เป็นมุนี สมาทานคุณธรรมทั้ง ๘ คือ
๑. จักไม่ทรงวินิจฉัยอรรถคดีตลอดถึง ๗ วัน ๒. ไม่ให้เกิดราคะ ๓. ไม่ให้เกิดความโกรธ ๔. ไม่ให้เกิดความหลง
๕. จักนบนอบกระทั่งทารกทาริกาของพวกทาสี ๖. จักรักษากายวาจาให้ดี ๗. จะรักษาอายตนะทั้ง ๖ ให้ดี ๘. จักทำใจมีเมตตา
ครั้นทรงมั่นอยู่ในคุณธรรมทั้ง ๘ นี้ ตลอด ๗ วันแล้ว รุ่งเช้าวันที่ ๘ ก็เสวยพระกระยาหารเช้า แล้วสำรวมพระเนตรเป็นอันดี มีพระวาจาพอประมาณ มีพระอริยาบถอันดี มีพระหฤทัยมั่นคงเบิกบาน แล้วเข้าไปหาพระนาคเสนเถระ กราบไหว้แล้วทรงยืนตรัสว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน โยมมีเรื่องที่จะสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าในป่าที่เงียบสงัดโดยลำพังสองคนไม่มีผู้อื่นปะปน ป่านั้นต้องเป็นป่าประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นป่าที่สมควรแก่สมณะ เป็นป่าที่สมควรถามปัญหา ในการถามและแก้นั้นไม่ควรให้มีข้อลี้ลับ ควรให้แจ่มแจ้งทุกข้อ ควรให้เข้าใจได้ด้วยอุปมา
ข้าแต่พระนาคเสน แผ่นดินใหญ่นี้ ย่อมเป็นที่เก็บเป็นที่ซ่อน ซึ่งสิ่งที่ควรเก็บควรซ่อนฉันใด โยมก็สมควรฟังข้อลึกลับ ที่ควรเก็บควรซ่อนไว้ฉันนั้น เมื่อมีข้อควรปรึกษาเกิดขึ้น โยมก็สมควรแก่การปรึกษา "
พระเจ้ามิลินท์ตรัสอย่างนี้แล้ว ก็พร้อมกับพระเถระออกไปสู่ป่าใหญ่แห่งหนึ่งแล้วตรัสต่อไปอีกหลายอย่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 5.0
|
 |
« ตอบ #156 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2554 11:34:35 » |
|
ที่ไม่ควรปรึกษากัน ๘ ประการ
พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า " ข้าแต่พระนาคเสน บุรุษผู้จะปรึกษาหารือกัน ควรรู้ไว้ว่า ที่ควรงดเว้นมีอยู่ ๘ คือ
๑. ที่อันไม่สม่ำเสมอ ๒. ที่มีภัย ๓. ที่มีลมแรง ๔. ที่กำบัง
๕. ที่ศาลเจ้า ๖. ที่ถนนหนทาง ๗. ที่ก้าวขึ้นก้าวลง ๘. ที่ท่าน้ำ
ที่ทั้ง ๘ นี้ เป็นที่ควรงดเว้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า
เมื่อปรึกษากันในที่ไม่สม่ำเสมอ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ไม่สบาย เรื่องที่ปรึกษาหารือกันก็จะไม่สม่ำเสมอดี เมื่อปรึกษากันในที่มีภัย ใจก็จะสะดุ้งกลัว จะไม่แลเห็นเหตุผลได้ดี เมื่อปรึกษากันในที่มีลมแรง เสียงลมพัดตลบอบไป มิอาจที่จะคิดความหมายนั้นได้ เมื่อปรึกษากันในที่กำบัง ก็จะมีผู้แอบฟัง
เมื่อปรึกษากันที่ศาลเจ้า ของหนัก ๆ ก็จะหักพังลงมา เมื่อปรึกษากันที่หนทาง ก็จะไม่ได้ความดี เพราะมีคนเดินไปมาสับสน เมื่อปรึกษากันในที่ขึ้นลง จิตใจก็จะไม่มั่นคง เมื่อปรึกษากันในที่ท่าน้ำ ก็จะมีผู้รู้แพร่งพราย
เพราะฉะนั้น จึงควรเว้นที่ทั้ง ๘ คือ ที่ไม่สม่ำเสมอ ที่มีภัย ที่มีลมแรง ที่มีกำบัง ที่ศาลเจ้า ที่หนทาง ที่ก้าวขึ้นก้าวลง ที่ท่าน้ำ เหล่านี้เสีย "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 5.0
|
 |
« ตอบ #157 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2554 11:35:56 » |
|
คนที่ไม่ควรปรึกษา ๘ จำพวก
เมื่อพระเจ้ามิลินท์ทรงแสดงที่ควรเว้น ๘ แห่งดังนี้แล้ว จึงทรงแสดงบุคคลควรเว้นอีก ๘ จำพวกว่า " ข้าแต่พระนาคเสน บุคคลผู้ที่ถูกปรึกษาแล้ว ทำเรื่องให้เสียไปมีอยู่ ๘ จำพวก คือ
๑. คนมีราคะจริต คือหนักในทางราคะ ๒. คนโทสะจริต มากด้วยโทสะ ๓. คนโมหะจริต มากด้วยความลุ่มหลง ๔. คนมานะจริต มากด้วยการถือตัว
๕. คนโลภเห็นแต่จะได้ ๖. คนขี้เกียจ ย่อท้อ อ่อนแอ ๗. คนเห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว ๘. คนพาล คือคนโง่มุทะลุ "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 5.0
|
 |
« ตอบ #158 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2554 11:37:56 » |
|
พระนาคเสนจึงถามว่า " คนทั้ง ๘ จำพวกนั้น ให้โทษอย่างไร ? "
" คนราคะจริต เมื่อปรึกษาด้วยอำนาจราคะ ก็ทำเรื่องที่ปรึกษาให้เสียไป ถึงคนจำพวกอื่นอีก ๗ จำพวกก็เหมือนกัน "เพราะฉะนั้น บุคคล ๘ จำพวก คือ คนหนักในราคะ โทสะ โมหะ มานะ โลภะ เกียจคร้าน เห็นแก่ตัว โง่เขลา จึงเรียกว่า " คนทำให้เสียเรื่องปรึกษา "
คนที่ปิดความลับไม่ได้ ๙ จำพวก " ข้าแต่พระนาคเสน บุคคล ๙ จำพวกปิดข้อความอันลี้ลับไว้ไม่ได้ บุคคล ๙ จำพวกนั้น ได้แก่จำพวกไหนบ้าง คือ
๑. คนราคะจริต หนักในราคะ ๒. คนโทสะจริต มากด้วยโทสะ ๓. คนโมหะจริต มากด้วยความหลง ๔. คนขี้เกียจ ขี้กลัว ๕. คนหนักในอามิส
๖. สตรีทั้งปวง ๗. นักเลงสุราและนักเลงต่าง ๆ ๘. คนชอบแต่งตัว ๙. เด็กทั่วไป ทั้งหญิงทั้งชาย "
พระเถระถามอีกว่า " บุคคล ๙ จำพวกนั้น มีโทษอย่างไรบ้าง "
พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า " บุคคล ๙ จำพวกนั้น
จำพวกราคะ ก็ปิดความลับไม่ได้ด้วยอำนาจราคะ คือเมื่อรักใครแล้ว ก็เปิดความลับให้ฟัง จำพวกโทสะ เมื่อโกรธขึ้นมา ก็พูดความลับโพล่งออกมา จำพวกโมหะ เมื่อใครพูดดีก็หลงเชื่อแล้วเปิดความลับให้ฟัง จำพวกขี้ขลาด เมื่อกลัวก็เปิดความลับ จำพวกหนักในอามิส เมื่อมีผู้ให้อามิสสินจ้าง ก็บอกความลับ
จำพวกสตรี เป็นจำพวกมีปัญญาน้อย เมื่อถูกซักดักหน้าดักหลัง ก็เปิดความลับให้ฟัง จำพวกนักเลงสุรา เมื่อเมาแล้วก็เปิดความลับง่าย จำพวกชอบแต่งตัว ก็กังวลอยู่แต่เรื่องแต่งตัว อาจจะเผลอพูดความลับออกมาได้ง่าย จำพวกทารก ก็มีความคิดยังอ่อนเกินไป ไม่อาจปิดความลับไว้ได้"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 5.0
|
 |
« ตอบ #159 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2554 11:39:38 » |
|
เหตุให้เจริญความรู้ ๘ ประการ
" ข้าแต่พระนาคเสน เหตุจะให้ความรู้ดีขึ้นมีอยู่ ๘ ประการ คือ
๑. เจริญด้วยวัยอายุ ๒. ความได้ยศศักดิ์ ๓. การชอบการซักไซ้ไต่ถาม ๔. ไม่คบพวกเดียรถีย์
๕. การนึกถูกทาง ๖. การสนทนาเรื่องต่าง ๆ ๗. มากด้วยความรักในเหตุผล ๘. อยู่ในประเทศอันสมควร"
"ข้าแต่พระนาคเสน ภูมิภาคนี้ประกอบด้วยองค์ ๘ อีกอย่างหนึ่ง โยมก็เป็นเพื่อนร่วมคิดอย่างเยี่ยมในโลก โลกนี้ยังเป็นไปอยู่ตราบใด โยมยังมีชีวีตอยู่ตราบใด ก็จะรักษาความลับไว้ให้ได้ตราบนั้น
ความรู้ย่อมเจริญขึ้นด้วยเหตุ ๘ อย่างนี้ ศิษย์ผู้ปฏิบัติชอบเหมือนอย่างทุกวันนี้หาได้ยาก ส่วนอาจารย์ก็ควรปฏิบัติชอบให้ประกอบด้วยคุณของอาจารย์ ๒๕ ประการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Firefox 5.0
|
 |
« ตอบ #160 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2554 11:40:59 » |
|
คุณของอาจารย์ ๒๕ ประการ
๑. ดูแลศิษย์เนือง ๆ ๒. รู้จักคนที่ควรคบและไม่ควรคบ ๓. รู้ว่าศิษย์ประมาทหรือไม่ประมาท ๔. รู้เวลาที่ศิษย์นอน ๕. รู้เวลาศิษย์เจ็บไข้
๖. รู้ว่าศิษย์ได้อาหารหรือยังไม่ได้ ๗. รู้คุณวิเศษต่าง ๆ ๘. รู้จักแจกแบ่งอาหารให้ศิษย์ ๙. รู้จักปลอบศิษย์ไม่ให้กลัว ๑๐. สอนให้ศิษย์ประพฤติตามเยี่ยงอย่างคนดี
๑๑. ต้องรู้จักรอบ ๆ บ้าน ๑๒. ต้องรู้จักรอบ ๆ วิหาร ๑๓. ไม่ควรเล่นหัวตลกคะนองกับศิษย์ ๑๔. ควรรู้จักอดโทษศิษย์ ๑๕. ควรตั้งใจทำดีต่อศิษย์
๑๖. ควรประพฤติให้เป็นระเบียบต่อศิษย์ ๑๗. ไม่ควรปิด ๆ บัง ๆ ศิษย์ ๑๘. สอนความรู้ให้ศิษย์สิ้นเชิง ๑๙. ควรคิดอยากให้ศิษย์รู้ศิลปะ ๒๐. ควรคิดแต่ทางที่จะให้ศิษย์เจริญ
๒๑. ควรคิดอยากให้ศิษย์ชอบเรียน ๒๒. ควรมีจิตอันเมตตาต่อศิษย์ ๒๓. ไม่ควรทิ้งศิษย์เวลามีอันตราย ๒๔. ไม่ควรประมาทกิริยาต่อศิษย์ ๒๕. ควรประคองศิษย์ผู้พลั้งพลาด
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คุณของอาจารย์มีอยู่ ๒๕ ประการ ดังที่ว่านี้ ขอพระผู้เป็นเจ้าจงประพฤติชอบต่อโยม ด้วยคุณธรรมเหล่านี้ ศิษย์ผู้เป็นเช่นโยมนี้หาได้ยาก ความสงสัยใหญ่ได้มีอยู่แก่โยมเพราะ " เมณฑกปัญหา "คือปัญหาอันเปรียบดัวยแพะชนกัน สมเด็จพระภควันต์ได้ทรงแสดงไว้แล้ว ต่อไปข้างหน้าจักมีการถือผิดกัน ทะเลาะกันในเมณฑกปัญหานั้น อาจารย์ผู้ถูกปรวาที ( ฝ่ายตรงข้าม ) ไต่ถาม เมื่อรู้ก็จะแก้ได้ จะจำแนกแจกเนื้อความได้ จักทำลายปัญหาที่เป็นข้อเป็นปมออกได้ ต่อไปข้างหน้าพระภิกษุผู้เหมือนกับพระผู้เป็นเจ้าจักหาได้ยาก ขอพระผู้เป็นเจ้าจงให้จักษุ ให้ปัญหาแก่โยมไว้ เพื่อจะข่มเสียซึ่งคำที่เป็นเสี้ยนหนามต่อพระศาสนา"
พระนาคเสนเถระรับว่า " ดีแล้ว มหาบพิตร "
แล้วจึงแสดงคุณแห่งอุบาสก ๑๐ ว่า " มหาบพิตร คุณของอุบาสกมีอยู่ ๑๐ ประการ คืออะไรบ้าง?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
กำลังโหลด...