[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 02:01:39 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2] 3 4 5   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุดภาพพุทธประวัติ สำหรับประชาชน เล่าโดย พระอาจารย์พยอมกัลยาโณ  (อ่าน 74673 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553 20:40:42 »


นำมาจาก   สมุดภาพพุทธประวัติ สำหรับประชาชน
เล่าโดย
พระอาจารย์พยอมกัลยาโณ  

วาดภาพโดย  พระอาจารย์คำนวณ  ชานันโท



ภาพที่ 1

อุบัติแห่งพระศาสดา



มีการอุปมาว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น  ทรงแสดงธรรมอุปมาได้  4  อย่าง  เหมือนหงายของที่คว่ำ  เหมือนเปิดของที่ปิด  เหมือนชี้ทางกับผู้เดินทางไม่ให้หลงทาง   เหมือนจุดประทีปเอาไว้ในที่มืด  ประทีปที่จุดไว้ในที่มืดสามารถทำให้ผู้เดินทางได้เห็นอย่างแจ่มชัด   ไม่สะดุดและไม่เดินชนสิ่งกีดขวาง  ชีวิตจะได้ราบรื่น  เมื่อพระศาสดาอุบัติเกิดขึ้น  ฝูงชนเป็นอันมากพากันแซ่ซ้องสาธุ ตั้งแต่ราชามหากษัตริย์  ถึงยาจกยากจนแสนเข็ญ  รวมถึงสัตว์โลกทั้งหลาย


ภาพที่ 2

พระนางสิริมหามายาทรงพระสุบิน


ก่อนที่พระนางสิริมหามายาจะทรงครรภ์ราชโอรสผู้มีบุญญาธิการเป็นพระศาสดาเอกของโลกนั้น  ได้ทรงพระสุบินไปว่า  ได้ประทับอยู่ในสวนป่าที่สวยงาม  และมีช้างตัวหนึ่งเยื้องย่างนำดอกบัวมาให้  เมื่อพระนางรับดอกบัวไว้แล้วก็ตื่นขึ้น  รู้สึกได้ว่าตั้งครรภ์


ภาพที่ 3

ชวนพระสวามีรักษาอุโบสถศีล


เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงครรภ์แล้ว ก็รู้ตัวว่าจะต้องทำความดีเพื่อลูกในท้อง จึงได้ชักชวนพระเจ้าสุทโธทนะว่า เสด็จพี่ ตอนนี้น้องมีท้องแล้ว อยากจะให้ลูกในท้องนี่มีศีลธรรมโดยสายเลือด ฉะนั้น เราควรจะต้องแวดล้อมด้วยการมีคุณธรรมกัน ช่วยกันถือศีล งดเว้นประเวณี ถืออุโบสถศีล เพื่อจะได้ลูกในท้องที่มีคุณธรรมมาเกิด ว่านอนสอนง่าย พระนางได้ชวนพระสวามี พระเจ้าสุทโธทนะก็ยินดีปรีดาจะร่วมรักษาศีลอุโบนถเพื่อแวดล้อมพระราชโอรสให้มีคุณงามความดีมาเกิด ผู้หญิงสมัยก่อนนี้ส่วนใหญ่เมื่อตั้งครรภ์ มักจะชวนสามีทำความดี อาตมาจึงขอเตือนว่า พ่อแม่นี่ควรจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม ให้ซึมซาบเข้าไปในสายเลือด จะได้ลูกดี ๆ มาเกิด


ภาพที่ 4
คลอดพระราชโอรส


พระราชโอรสได้คลอดแล้วที่สวนป่าลุมพินีวัน เพราะเดินทางผ่านมาเพื่อที่จะไปคลอดที่บ้านพ่อแม่ของตน เป็นไปตามประเพณี พระพุทธเจ้าตอนที่เป็นพระราชโอรสนั่นมาคลอดที่สวนป่าลุมพินีวัน ตรงนี้ก็น่าคิดที่ว่า พระพุทธเจ้าเป็นลูกกษัตริย์ แทนที่จะประสูติอยู่บนปราสาทบนราชวัง กลับมาประสูติอยู่ที่พื้นดิน และพระพุทธเจ้าก็ใช้ชีวิตอยู่ตามพื้นดิน ประสูติก็ที่พื้นดิน ตรัสรู้ก็ที่พื้นดิน สอนสาวกตามพื้นดิน นิพพานที่พื้นดิน


ภาพที่ 5
รับพระราชโอรสกลับพระนคร

เมื่อได้ทราบข่าวพระราชโอรสคลอดยู่ในป่า พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นพระราชบิดาก็จัดขบวนช้างขบวนม้ามารับพระราชโอรสกลับพระนคร นี่คนดีมีบุญญาธิการมาเกิดจะเกิดในป่าในดง เขาก็เอาม้าเอารถมารับกลับพระนคร ส่วนคนที่มีเศษบาปเศษกรรมมาเกิดเขากลับเอาถังขยะเข้าไปรับ หรือรีดใส่โถส้วม ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด

     ฉะนั้น บุญญาธิการเราควรจะสรรค์สร้าง อย่าดูถูกเรื่อบาปเรื่องกรรม เรื่องเศษบุญเศษบาป เศษกรรมกันนัก ควรจะสร้างสมเอาไว้ ถ้าเราชื่อบาป เชื่อกรรม และตั้งใจทำแต่กรรมดี ชาตินี้เราก็ชื่นอกชื่นใจ เป็นคนสบายใจตลอดชีวิต
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กุมภาพันธ์ 2553 20:18:27 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
 
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 05 กุมภาพันธ์ 2553 20:39:30 »

ภาพที่ ๕๐

บัวสี่เหล่าคนสี่ประเภท



  ในที่สุด พระผู้มีพระภาคได้อุปมาว่า คนมีสี่จำพวกซึ่งเปรียบได้กับบัวสี่เหล่ากล่าวคือ ๑. บัวประเภทบานแล้ว ได้แก่คนเข้าใจง่าย พูดนิดเดียวก็เข้าใจสว่างไสว ๒. บัวที่กำลังปิ่มน้ำจะบานจะโผล่ขึ้นมา หมายถึงคนที่จะจูงพร่ำสอนกันหลายเที่ยวหลายครั้ง ๓. บัวที่ยังอยู่ลึกไปกว่านั้น หมายถึงคนที่ได้รับฟังหลายครั้งหลายหนแล้วก็ยังจะต้องอาศัย เพื่อนฝูงที่ดีคอยกระตุ้นเตือน และ ๔. บัวที่อยู่ใต้น้ำ หมายถึงคนที่สอนเท่าไรก็ไม่รู้เรื่อง พยายามจะโต้แย้ง จะเถียงจะรั้น จะดันทุรังไปก่อน

   ท่านอยู่ประเภทไหน หรืออาจจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นเหล่าที่ห้า หุบๆบานๆพอฟังพอรู้เรื่อง อะไรดีก็สว่างไสวขึ้นแวบหนึ่ง แล้วก็กลับไปมืดมนต่อไปอย่างนั้นหรือ?

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 06:58:50 »


ภาพที่ ๕๑

นำธรรมะสู่สัตว์ผู้ทุกข์ยาก



เมื่อทรงเปรียบคนได้กับบัวสี่เหล่าแล้ว ในที่สุดพระองค์ก็ได้ทอดพระเนตรได้ตาใน คือธรรมจักษุ มองเห็นบรรดาเหล่าสัตว์โลกทั้งหลายที่ตกอยู่ในความทุกข์ยาก ถูกเพลิงกิเลสเผาผลาญชีวิต พากันระงมร่ำไห้ เจ็บปวดอยู่ด้วยไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ ทำให้พระองค์ทรงเกิดความสงสารขึ้นอย่างจับใจ และคิดจะนำความจริงที่พระองค์ตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง เผยแพร่ไปสู่เขาเหล่านั้น เพื่อความดับไปแห่งไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ ให้มอดดับลง เพื่อจะได้อยู่กันอย่างมีความสงบเย็น

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:03:00 »


ภาพที่ ๕๒

พบอาชีวกระหว่างทาง



เมื่อตัดสินพระทัยจะเผยแพร่สิ่งที่ตรัสรู้ จึงเดินทางออกจากที่ตรัสรู้เพื่อไปยังป่าอิสิปตนมฤทายวัน เพื่อโปรดปัญจวัคคีย์ผู้ที่เคยดูแลพระองค์มาอาศัยอยู่ ในระหว่างทางได้พบกับอาชีวกผู้หนึ่งชื่ออุปกะ ได้เข้ามาถามพระองค์ว่า ใครเป็นศาสดา ใครเป็นผู้มอบรมธรรมให้กับท่านมา ท่านจงช่วยแสดงธรรมโปรดเราด้วย พระองค์ได้ตรัสว่า เราเป็นสยัมภู เป็นผู้ตรัสรู้ได้ด้วยตนเอง เท่านั้นเองอาชีวกผู้นี้ถึงกับตะลึง และก็กล่าวคำไม่ศรัทธาออกมาว่า เชิญพ่อรู้ไปคนเดียวเถอะ เป็นไปไม่ได้… คนที่ไม่มีครูบาอาจารย์และในที่สุดถึงกับแสดงอาการสั่นศีรษะและถ่มน้ำลายแลบลิ้น แล้วเดินหลีกพระพุทธองค์ไป
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:21:39 »


ภาพที่ ๕๓.

โปรดปัญจวัคคีย์



เมื่อพระองค์ได้เสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทาย วันนั้นพวกปัญจวัคคีย์ซึ่งมีโกณฑัญญะเป็นหัวหน้า กำลังสนทนากันถึงพระพุทธองค์ว่า ป่านนี้ประทับอยู่ที่ไหน จะคิดถึงพวกเราอยู่หรือไม่ ทันใดก็แลเห็นพระพุทธองค์เสด็จและไม่ถวายความเคารพ เนื่องจากไม่เลื่อมใสที่พระองค์เลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา ซึ่งเป็นเหตุให้พวกตนหนีจากมา และเมื่อพระองค์เสด็จมาถึงจริง ทีแรกปัญจวัคคีย์เหล่านั้นทำท่าว่าจะไม่เข้าไปต้อนรับพระองค์ แต่แล้วเมื่อพระองค์เข้าไปใกล้ ต่างก็เข้ามาหยิบบาตรหยิบนั่นหยิบนี่ ล้างเท้า หาน้ำให้ ต้อนรับพระองค์เป็นอย่างดี ลืมข้อตกลงกันเสียสิ้น



ภาพที่ ๕๔.

ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร



  หลังจากต้อนรับทักทายพูดคุยกันแล้ว พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์เหล่านั้น และเมื่อได้ฟังธรรมของพระองค์แล้วก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ แต่เป็นชั้นโสดาบันก่อน แล้วเรื่อยมาจนได้เป็นพระอรหันต์ด้วยธรรมเทศนาที่เรียกกันว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร คือพูดถึงสุดโต่งสองอย่าง หนักหน่วงไปในทางทรมานกายให้ลำบาก และการปล่อยชีวิตไปตามความใคร่ มัวเมาเปียกแฉะ เพลิดเพลินอยู่กับเรื่องกาม อันเป็นทางที่ไม่พ้นทุกข์ทั้งสองฝ่าย

   เมื่อปัญจวัคคีย์ฟังพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโปรด ต่างก็มีจิตใจเห็นตามความเป็นจริงนั้น จนกระทั่งได้ขอบวชในพระศาสนาของพระองค์ต่อไป



ภาพที่ ๕๕.

โปรดยสกุลบุตร



เมื่อพระองค์ไปจำพรรษาอยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ก็มีลูกเศรษฐีผู้มั่งคั่งชื่อว่ายส ได้เกิดความเบื่อหน่ายความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้าน ทั้งๆที่มีทรัพย์มากมาย จึงออกจากบ้านแล้วเดินบ่นไปตามทางว่า ที่นี่วุ่นวายจริงนะ ที่นี่ขัดข้องจริงหนอ พระองค์ผู้อยู่ในป่าได้ยินเข้าจึงได้สวนคำออกมาว่า มาที่นี่สิ ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง ยสกุลบุตร รู้สึกเอะอะ เอ๊ะ มีใครที่อยู่ในนี้ ไม่วุ่นวาย ไม่ขัดข้อง จึงได้แวะเข้าไป ไปพบเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์จึงได้แสดงอนุปุพิกถาโปรดยสกุลบุตร จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาไม่กลับบ้าน แล้วจึงขอบวชเป็นพระภิกษุกับพระพุทธเจ้าต่อไป


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:28:43 »


ภาพที่ ๕๖

ประกาศพระศาสนา



เมื่อพระยสบวชแล้ว เพื่อนของพระยสอีกจำนวนมากได้พากันออกบวชตาม รวมพระที่บวชครั้งนี้เป็นจำนวน ๒๐ รูป แล้วได้บรรลุพระอรหันต์ พระองค์จึงได้บอกกับภิกษุเหล่านี้ว่า บัดนี้พวกเราทั้งหลายเป็นผู้พ้นแล้วจากบ่วงอันเป็นทิพย์ และบ่วงอันเป็นมนุษย์ จงช่วยกันแยกย้ายไปเผยแพร่พรหมจรรย์ให้งามในเบื้องต้น

     งามในท่ามกลาง งามในที่สุด แก่คนผู้มีธุลีในดวงตาน้อย จงแยกกันไปทางละองค์ อย่าไปหลายองค์

    นี่พระองค์ทรงส่งมิชชันนารีไปสู่ปวงชนเป็นรุ่นแรกของโลกเลยทีเดียว ไม่ได้ทรงแนะนำว่าเธอจงไปสร้างวัด เสกเหรียญ ทำน้ำมนต์ พ่นน้ำหมากแข่งกัน แต่พระองค์ทรงบอกให้ไปประกาศพรหมจรรย์ให้งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในที่สุด


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:30:38 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:37:16 »


ภาพที่ ๕๗

โปรดภัททวัคคีย์



จากนั้นพระองค์เองก็จะไปยังอุรุเวลาเสนานิคม ขณะที่พักระหว่างทางได้พบกับเหล่าภัททวัคคีย์ที่พากันไปแสวงหาความสุขรื่นเริง ได้พาผู้หญิงจับคู่กันไปคนละคนสองคนปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเกิดฉวยเอาเครื่องแต่งตัวของพวกผู้ชายคนหนึ่งหนีไป

   ผู้ชายเหล่านี้ก็ได้วิ่งติดตามหาหญิงเหล่านั้นกันจ้าละหวั่น จนกระทั่งมาพบพระผู้มีพระภาค แล้วก็ได้ถามพระองค์ว่า

    " ท่านสมณะ ท่านได้เห็นผู้หญิงเดินผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่ "

   แทนที่พระองค์จะตอบว่าเห็นหรือไม่เห็น พระองค์กลับสอนคนเหล่านี้โดยสวนคำออกไปว่า " ท่านทั้งหลาย ท่านจะมัวหาหญิงดีหรือจะหาตนดี "

   ปรากฏว่าพวกภัททวัคคีย์เหล่านั้นก็ได้เกิดเอะใจกล่าวไปว่า " เอ๊ะ ก็ตนของฉันก็อยู่นี่ จะต้องไปหาตนอะไรอีกเล่า ก็ผู้หญิงมันลักทรัพย์ข้าวของเงินทองไป กำลังตามหากันอยู่นี่ ท่านเห็นบ้างหรือไม่ "

    พระองค์ก็ยังย้ำคำเดิมว่า " ควรจะหาตนก่อนดี หรือจะหาหญิงดี "

    เหล่าภัททวัคคีย์เหล่านี้ก็เริ่มเอะใจก็เลยถามว่า ยังไงกันแน่ แสวงหาตนนั้นดีอย่างไร ลองพูดให้เข้าใจซิ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า " เชิญพวกท่านนั่งลงเถิด อาตมาจะแสดงให้ฟัง "

   เมื่อเหล่าภัททวัคคีย์เหล่านั้นนั่งลงเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงแสดงไปในลักษณะที่ว่า …

ก็เรานั่นแหละ ที่ว่าหาหญิงก็คือหาตน เพราะว่าผู้หญิงเหล่านั้นเอาของของตนไปใช่ไหมล่ะ ?

   ถ้ามันไม่ได้เอาของของตนไป เราก็คงจะไม่ตามหาอะไรทำนองนั้น

   เหล่าภัททวัคคีย์เมื่อได้ฟังที่พระองค์กล่าว ก็เริ่มเห็นจริงเห็นจังว่า อ๋อ ที่เราตามหาอะไร ก็คือตามหาของตนบ้าง ตามหาพวกของตนบ้าง ตามหาข้าวของตนบ้าง ตามหาวงศ์วานของตนบ้าง ที่จริงเรามัวแต่ตามหาตนที่เป็นภายนอกนั้นมันไม่ถูก เพราะเกิดความรู้สึกยึดถือว่า ไอ้นั่นของตน ไอ้นี่ของตน จึงตามหาคน ก็คือตามของของตนนั่นเอง

  เมื่อเข้าใจและเห็นจริงดังนั้น ทำให้คนเหล่านี้เกิดเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมาก จึงหยุดแสวงหาหญิงผู้นำเสื้อผ้าของตนไป กลับมามองเพ่งตนหาตน ว่าอะไรหนอที่ทำให้ตนวุ่นวาย ก็ได้คำตอบว่าคือความยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวตนนั่นเอง


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:43:10 »

ภาพที่ 58

โปรดชฎิลสามพี่น้อง



ต่อมาพระองค์ได้ไปโปรดชฎิลสามพี่น้องซึ่งถือการบูชาไฟกันอย่างยิ่ง และในที่สุดพระองค์ก็ทรงแสดงธรรมว่า สิ่งที่ร้อนกว่าไฟที่น่ากลัว น่าสยดสยองนั้นยังมีอีก อย่ามัวแต่หลงกลัวไฟข้างนอกกันอยู่เลย ไฟที่ร้ายกาจก็คือไฟที่เผาใจให้เกิดใคร่กระสัน เกิดความร่านทุรนทุราย ที่จะต้องเสพสุขสนุกสนานจากเนื้อหนัง หรือสิ่งที่เรียกกันว่า ยั่วให้ใคร่ ให้รักทั้งหลาย ซึ่งเป็นไฟเผาใจ ยั่วให้โกรธ ความโกรธก็คือเป็นไฟ ยั่วให้กลัว ให้หลงก็เป็นไฟ เพราะฉะนั้นไฟทั้งสามนี้เป็นอันตรายมาก ควรจะดับเสีย เมื่อพระองค์ทรงแสดงธรรมจบลง เป็นเหตุให้ชฏิลผู้พี่เกิดศรัทธาถึงกับลอยบริขารไป ส่วนชฎิลที่เหลืออีกสองก็ถือบวชในเวลาต่อมาร่วมกับบริวารอีกจำนวนมากมาย

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #28 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:47:00 »

ภาพที่ 59

โปรดพระโมคคัลลานะ



ภาพนี้ คือ พระโมคคัลลานะซึ่งเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้ายของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะมาบวชในพระพุทธศาสนา เคยศึกษาทางพ้นทุกข์อยู่ในสำนักของอาจารย์สญชัยปริพาชก ผู้มีชื่อเสียและมีคนนับถือมาก แต่เมื่อศึกษาจบแล้วเห็นว่ายังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงลาอาจารย์ออกแสวงหาความรู้ ต่อมาได้รับการชักชวนจากสหาย คือ พระสารีบุตร ให้มาบวชกับพระพุทธเจ้า วันหนึ่งพระองค์ได้ทรงมาโปรดพระโมคคัลลานะซึ่งมาปฏิบัติธรรมและง่วงหลับ พระองค์แก้วิธีง่วงหลับให้หลายอย่างหลายประการ เช่น มีการเอาน้ำลูบเนื้อลูบตัว เอาไม้ทิ่มหู หรือว่ามีการเดินจงกรม เป็นต้น

     เพราะฉะนั้น ท่านผู้อ่านอย่ามัวง่วงหลับไหลอยู่ หาทางแก้เสีย

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:51:46 »


ภาพที่ 60

โปรดปริพาชกทีฆนขะ



วันนี้ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมที่เรียกกันว่าแบบลักษณะแคนนอน ระบบตีวัวกระทบคราด หรือว่ายังไงก็ได้ ว่าแต่ไม่ใช่เป็นเจตนาเช่นนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องของความเข้าใจของผู้ทำหน้าที่พัดอยู่ คือพระสารีบุตร อัครสาวกฝ่ายขวา ทำหน้าที่พัดขณะที่พระองค์ทรงแสดงธรรมกับปริพาชกทีฆนขะ ปรากฏว่าขณะที่พระองค์ทรงแสดงธรรมอยู่นั้น พระสารีบุตรผู้ทำหน้าที่พัดอยู่ข้างหลัง ก็เกิดแวบขึ้นในพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงจนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ นี่เรียกว่าเทศน์กับองค์ข้างหน้า แต่องค์ข้างหลังบรรลุ นี่เป็นการแสดงธรรมในลักษณะแคนนอน

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #30 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 07:55:59 »


ภาพที่ 61

โปรดพระเจ้าพิมพิสาร



ภาพนี้ พระองค์ได้มาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งแต่เดิมนั้นนับถือเคารพอุรุเวลกัสสปะมาก ก่อนที่พระองค์จะแสดงธรรมนั้นได้ถามอุรุเวลกัสสปะว่า บัดนี้ ท่านได้เลื่อมใสในธรรมของใคร ท่านเคารพธรรมของใคร อุรุเวลกัสสปะก็บอกเคารพธรรมของพระผู้มีพระภาค เลื่อมใสพระผู้มีพระภาค เป็นการเรียกศรัทธาให้เกิดขึ้นก่อน เมื่อพระเจ้าพิมพิสารเห็นว่าอาจารย์ของตนยังเลื่อมใสพระผู้มีพระภาค จึงเกิดเพิ่มศรัทธาในพระผู้มีพระภาคขึ้นมา เมื่อศรัทธาเสียแล้วจะป้อนธรรมะลงไปมันก็ง่าย เหมือนท่านทั้งหลาย ถ้าศรัทธาในพระพุทธประวัติชุดนี้ ก็ทำให้เข้าใจง่ายและอยากจะฟังติดตาม พระเจ้าพิมพิสารก็เช่นกันเมื่อได้ฟังธรรมก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน พร้อมกับบริวารอีกเป็นจำนวนมาก

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2553 08:02:45 »

ภาพที่ 62

แสดงโอวาทปาติโมกข์



นี่เป็นภาพเหตุการณ์ในวันมาฆะ ที่เรียกกันว่าวันที่พระสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์จำนวนเป็นพัน ๆ รูปได้มาพร้อมกันโดยมหัศจรรย์ โดยไม่ได้นัดหมาย จำนวนถึง 1,250 องค์ มาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่พระสาวกมีน้ำใจอันหนึ่งอันเดียวกันว่า มุ่งหน้าสู่พระศาสดา

    ท่านทั้งหลายเหมือนกัน พวกเราบางทีก็ไม่ได้นัดหมาย ต่างคนต่างมา ต่างอยากจะรู้ ต่างอยากจะดู ต่างอยากจะฟัง เพราะจิตใจของเรานั้นมอบให้พระพุทธเจ้าเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจเสียแล้ว อยู่ที่ไหน ๆ ก็สามารถรวมกันได้โดยไม่ต้องเรียกร้องบอกกล่าว

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #32 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 05:39:26 »


ภาพที่ 63

ถูกพระบิดาตัดพ้อ



เมื่อครั้งพระองค์เสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ และได้ออกบิณฑบาตนั้น พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นพระราชบิดาก็ได้ออกมาแสดงอาการน้อยเนื้อต่ำใจว่า “โถ ลูกพ่อทำไมถึงทำอย่างนั้น เป็นกษัตริย์จะขอข้าวเขากินทำไม จะมาบิณฑบาตขอข้าวเขากินทำไม ต้องการเท่าไรบอกพ่อ พ่อจะหาให้เอง ทำอย่างนี้มันเสียวงศ์ตระกูลแก่พ่อเหลือเกินแล้วลูกเอ๋ย”

     พระองค์ก็ทรงได้ตรัสตอบไปว่า “ตระกูลของพระพุทธเจ้านั้น ต้องออกบิณฑบาตทุกพระองค์ เพื่อให้ปวงชนได้มีโอกาสสละความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ ความเบิกบานใจแห่งการให้จะได้เกิดขึ้น ฉะนั้นมหาบพิตรอย่าได้เสียอกเสียใจเลย นี้เป็นพุทธประเพณี เป็นตระกูลของพระพุทธเจ้า” ตรัสตอบไปดังนั้นพระเจ้าสุทโธทนะจึงได้เข้าใจ

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 05:44:51 »


ภาพที่ 64

มอบอริยทรัพย์ให้ราหุล



     พระเจ้าสุทโธทนะต้องการให้พระราหุลเป็นกษัตริย์แห่งกบิลพัสดุ์ต่อไป เมื่อราหุลเข้าพบพระผู้มีพระภาค พระองค์ได้ถามราหุลว่าอยากได้ทรัพย์สมบัติหรืออริยทรัพย์ ถ้าต้องการอริยทรัพย์ก็ไปกับพ่อเถอะ จะมีมอบให้มากมาย แต่ถ้าอยากได้แค่ทรัพย์สมบัติซึ่งมันวิบัติได้ ก็อยู่รับต่อไป ด้วยความรักพ่อ อยากอยู่ใกล้พ่อ ราหุลจึงไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติ พระเจ้าสุทโธทนะถึงกับผิดหวัง ลูกก็ผิดหวังไปแล้ว นี่ยังมาผิดหวังกับหลานอีก จึงได้มีการขออนุญาตพระพุทธเจ้าว่า ต่อไปนี้จะเอาลูกใครเขาไปบวชก็ขอให้ถามบิดามารดาให้เขาอนุญาตเสียก่อน จึงเป็นคำหนึ่งที่พระอุปัชฌาย์ได้ถามผู้เข้ามาบวชว่า บิดามารดาอนุญาตแล้วหรือ? อย่างนี้เป็นต้น ถ้าไม่อนุญาตก็บวชไม่ได้

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 05:49:17 »


ภาพที่ 65

ตรัสตอบบัญญัตพระวินัย



พระสารีบุตรได้มากราบอาราธนาพระผู้มีพระภาคให้ทรงบัญญัติพระวินัย เพราะเมื่อสาวกอยู่กันมากมายย่อมจะมีการเป็นอยู่ที่ไม่งดงาม

    พระผู้มีพระภาคจึงได้กล่าวว่า เรื่องนั้นเรารู้และเข้าใจ เรื่องที่สารีบุตรบอกว่าวินัยเป็นเสมือนเชือกเส้นด้ายที่รวบรวมดอกไม้ต่าง ๆ จะเป็นดอกดาวเรือง บานไม่รู้โรย มะลิ อะไรก็ตาม แต่ถ้ามีเส้นเชือกเข็มร้อยไปแล้ว ก็จะอยู่กันอย่างงดงาม พระองค์ก็บอกว่าเราจะมาสร้างวินัยขึ้นก่อนโดยเหตุการณ์ไม่เกิดนั้น ก็เป็นเรื่องที่ยังไม่บังควร เราจะคอยกำหนดตามทีหลัง ซึ่งเป็นเรื่องค่อยว่าค่อยแก้ไขกันไป ไม่ใช่มาสร้างข้อบังคับอะไรไว้ล่วงหน้าก่อนมากมาย มันจะเกิดเรื่องยุ่งยาก


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #35 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 05:52:54 »


ภาพที่ 66

บัญญัติปฐมปาราชิก



ต่อมา ทรงบัญญัติปฐมปาราชิก ด้วยพระสุทินเป็นต้นเหตุ

   มีเรื่องเล่าว่า แม่ของพระสุทินต้องการที่จะได้ลูกสืบวงศ์ตระกูลไว้ ก็เลยพยายามชักชวนให้ไปทิ้งพืชพันธุ์ไว้ช่วงหนึ่งเถิด ที่จริงพระสุทินไม่ปรารถนาที่จะไปเสพสมกามารมอะไรกับภรรยาเก่าอีก แต่เนื่องจากแม่ปรารถนาที่จะให้มีลูกไว้สืบสกุล เมื่อถูกขอร้อง พระอสุทินก็ไปทำให้ตามความต้องการ เมื่อมีพระนำเรื่องนี้มาโจษขานกัน พระพุทธองค์ก็ทรงบัญญัติพระวินัยขึ้นเป็นข้อแรกว่า ภิกษุผู้ปรารถนาที่จะพ้นจากบ่วงทั้งปวงแล้ว ไม่ควรไปยินดีในเมถุนอีก เรื่องนี้เป็นครั้งแรก พระสุทินก็ไม่ผิดหรือขาดจากความเป็นบรรพชิต เพราะไม่ได้มีจิตใจยินดี และตอนนั้นพระวินัยยังไม่ได้บัญญัติ

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #36 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:04:37 »


ภาพที่ 67

ทรงบัญญัติความฟุ้งเฟ้อ



ต่อมา มีลูกของเศรษฐีมาออกบวช ปรากฏว่าได้ประดับตกแต่งจัดทำกุฏิอย่างสวยงาม พระองค์เห็นว่าจะเป็นการหลงใหลมัวเมาที่อยู่อาศัยมากเกินไป จึงได้สั่งให้ภิกษุรูปนั้นรื้อทำลายกุฏิเสีย หมายความว่าเพื่อไม่ให้หลงใหลยินดีในการอยู่ดีกินดี จนติดใจหลงใหล ไม่มุ่งบำเพ็ญความเพียร

     ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สวนทางกับความรู้สึกของคนทั่วไป ซึ่งทะยานใหญ่จนกระทั่งไปดาวน์ไปผ่อนไปส่งเขามากมาย พระองค์นั้นต้องการให้ขูดเกลาให้ อยู่งาม อยู่ง่าย


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #37 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:08:41 »

ภาพที่ 68

การฆ่าเป็นบาปอย่างยิ่ง



  เมื่อพระองค์ทรงสอนให้พิจารณาเห็นร่างกายสังขารเป็นของเปื่อยเน่า พระจำนวนหนึ่งพากันพิจารณาจนเบื่อหน่ายในสังขาร เข้าใจผิดคิดว่าดับกิเลสคือดับชีวิต ถ้าสิ้นชีวิตถึงจะสิ้นกิเลส ให้สิ้นทุกข์ก็ต้องสิ้นชีวิต จนกระทั่งบรรพชิตพากันไปจ้างเขาให้มาฆ่าตัวให้ตายเป็นจำนวนมาก จนระทั่งเหลือน้อยเต็มที

     พระองค์จึงได้ทรงบัญญัติว่า การฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าผู้อื่นตาย ก็เป็นความผิดขั้นปาราชิกคือขาดจากความเป็นบรรพชิต พระองค์ก็ทรงแก้ไขเรื่อยมาจนกระทั่งเกิดความพอดิบพอดีในการปฏิบัติธรรมให้ลุล่วงชำระกิเลสได้ไม่ผิดทางว่า ให้ดับกิเลสแล้วปล่อยชีวิตอยู่ต่อไปทำประโยชน์ได้

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #38 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:12:40 »


ภาพที่ 69

อวดอุตริมนุษยธรรม



ต่อมาเมื่อบรรพชิตมากเข้าก็ต้องมีคนไม่ดีหลงเข้ามาเป็นธรรมดา ถ้ามีมากขึ้นก็ต้องเสียหายไปเป็นธรรมดา แต่การแก้ไขนั้นก็ต้องมีตามมา พระองค์ก็ได้พยายามแก้ไขบัญญัติ ข้อห้ามไม่ให้กระทำสิ่งที่เสียหาย เรื่องมีว่า พระไปจำพรรษา เกิดข้าวยากหมากแพง ก็ได้ออกอุบายหลอกญาติโยมว่าให้ทำบุญกับองค์นั้นสิเป็นพระอรหันต์ ญาติโยมก็นำอาหารมาถวายจนอ้วนพี ปรากฏว่าเมื่อพระอีกส่วนหนึ่งไปอยู่ในที่อดอยากก็ผอม แต่ว่าพระเหล่านี้ไม่หลอกลวงโยม ไม่ยอมทำความผิด ต่อมาพระองค์จึงได้ทรงบัญญัติว่า ภิกษุที่ไปอวดอ้างว่าได้ บรรลุฌาน ได้บรรลุพระอรหันต์ ก็ต้องผิด ถ้าไม่มีคุณธรรมวิเศษนั้นเอง ก็ขาดจากความเป็นบรรพชิต ถ้ามีก็ยังถือว่าผิด เป็นการอวดอ้างตนที่ไม่เหมาะสม

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #39 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:18:07 »


ภาพที่ 70

อบรมธรรมแก่สาวก



พระองค์ได้พยายามอบรมพระสาวกของพระองค์ให้ทำตนเหมือนสะใภ้ใหม่ คือให้เหมือนภาพแรก สะใภ้ใหม่นั้นต้องเคารพกราบนอบนบพ่อผัวแม่ผัว สะใภ้เก่านั้นบางทีชี้หน้าด่าแม่ผัวพ่อผัว ถ้าเปรียบเทียบกับพระภิกษุ ก็หมายถึงจะต้องทำตัวนอบน้อม เชื่อฟังพระเถระ หรือว่าทำตัวให้รู้จักอาย เข้าสู่วงศ์ตระกูลพ่อผัวแม่ผัวแล้วต้องเป็นคนอายชั่ว กลัวบาป ไม่ใช่เป็นคนหน้าด้าน อายลำบาก อะไรดังที่เขาเป็นกันทั่วไป   

   นี่ก็เป็นเรื่องที่พระองค์พยายามตะล่อมสาวกของพระองค์ให้ดีงาม ให้เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธา


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #40 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2553 06:22:28 »


ภาพที่ 71

จงเป็นธรรมทายาท



พระองค์ได้พยายามเน้นพระสาวกของพระองค์ให้เป็นธรรมทายาท   อย่าเป็นอามิสทายาท  ทรงเล่าย่อๆว่า   ถ้าหากมีภิกษุสององค์  องค์หนึ่งตั้งใจเป็นธรรมทายาท  จะไม่รับอาหารบิณฑบาตรลาภสักการะของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงเหลือมาให้  ถึงจะอดอย่างไรก็ไม่รับ  แต่องค์หนึ่งพยายามจะรับของฉันที่เหลือจากพระพุทธเจ้า  หมายความว่าคอยรับลาภสักการะจากคนที่เลื่อมใสศรัทธานำสักการะมาให้พระองค์    เรียกว่ามีแต่รับไม่มีจ่าย  หรือที่เรียกกันว่ามีแต่เทค  ไม่มีกิ๊ฟ   ก็กลายเป็นพระประเภทที่เรียกว่า เป็นญาติข้างกากเดน  หรือพวกเศษอาหาร  มานอนกอดกากที่ชาวบ้านเขาถวายอยู่  ไม่มุ่งสละละปล่อยวางบำเพ็ญประโยชน์ตนให้มากขี้น  ประโยชน์ส่วนรวมให้มากขึ้น

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  1 [2] 3 4 5   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
นิทานเซน : สวยเพียบพูนด้วยเสน่ห์
นิทาน - ชาดก
เงาฝัน 4 3705 กระทู้ล่าสุด 15 กันยายน 2554 13:31:33
โดย เงาฝัน
ประวัติ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค (ฉบับเต็ม) เล่าโดย อาจารย์ยอด
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
มดเอ๊ก 0 1468 กระทู้ล่าสุด 01 ตุลาคม 2559 00:17:53
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.177 วินาที กับ 35 คำสั่ง

Google visited last this page 19 กุมภาพันธ์ 2567 05:56:37