[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
20 เมษายน 2567 17:15:05 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: the happiness 5 step in trend Buddhism  (อ่าน 3282 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 16:16:00 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae2"> <tr><td style="width: 800px; height: 64px" colspan="2" id="saeva2"><embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.flash-mp3-player.net/medias/player_mp3_maxi.swf?mp3=http://www.watnyanaves.net/uploads/File/sounds/navaga/navaga-1_05.mp3&amp;width=250&amp;showstop=1&amp;showinfo=1&amp;showvolume=1&amp;volumewidth=35&amp;sliderovercolor=ff0000&amp;buttonovercolor=ff0000" width="800px" height="64px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" autoplay="false" autostart="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.watnyanaves.net/uploads/File/sounds/navaga/navaga-1_05.mp3" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.watnyanaves.net/uploads/File/sounds/navaga/navaga-1_05.mp3</a></td><td class="aeva_q" id="aqc2"></td></tr></table>

ขั้นที่ 1 คือ ความสุขจากการเสพวัตถุหรือสิ่ง บำรุงบำเรอภายนอกที่นำมาปรนเปรอ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ของเรา

ขั้นที่ 2 ความสุขจากการเจริญคุณธรรมเช่น มีเมตตากรุณา มีศรัทธา

ขั้นที่ 3 ความสุขเกิดจากการดำเนินชีวิตถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงของ ธรรมชาติไม่หลงอยู่ในโลกของสมมติ

ขั้นที่ 4 ความสุขจากความสามารถปรุงแต่ง

ขั้นที่ 5 สุดท้าย ความสุขเหนือการปรุงแต่ง

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2553 17:25:47 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 16:21:51 »




..................................ขั้นที่ ๑ คือ ความสุขจากการเสพวัตถุ...........................



หรือสิ่งบำรุงบำเรอภาย นอกที่นำมาปรนเปรอ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ของเราข้อนี้เป็นความสุขสามัญ ที่ทุกคนในโลกปรารถนากันมาก
ความสุขประเภทนี้ขึ้นต่อสิ่งภายนอกเพราะว่าเป็นวัตถุหรืออามิสภายนอกเมื่อเป็นสิ่งภายนอกอยู่นอกตัวก็ต้องหา ต้องเอาเพราะฉะนั้นสภาพจิตของคนที่หาความสุขประเภทนี้จึงเต็มไปด้วยความคิดที่จะได้จะเอาแล้วก็ต้องหาและดิ้นรนทะยานไปเมื่อได้มากก็มีความสุขมากแล้วก็เพลิดเพลินไปกับความสุขเหล่านั้น พอได้มาก ๆ เข้า ต่อมาก็นึกว่าตัวเองเก่งมาก ๆ ไป ๆ มา ๆ โดยไม่รู้ตัวก็มีภาวะอย่างหนึ่งเกิดขึ้นคือ ชีวิตและความสุขของตัวเองต้องไปขึ้นกับวัตถุเหล่านั้นอยู่ลำพังง่าย ๆ อย่างเก่าไม่สุขเสียแล้วตอนที่เกิดมาใหม่ ๆ นี้ ไม่ต้องมีอะไรมากก็พอจะมีความสุขได้ต่อมามีวัตถุมากเสพมาก ที่นี้ขาดวัตถุเหล่านั้นไม่ได้เสียแล้วกลายเป็นว่าสูญเสียอิสรภาพ ชีวิตและความสุขต้องไปขึ้นกับวัตถุภายนอกแต่เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเก่ง อันนี้เป็นข้อสำคัญที่คนเราหลงลืมไปทางธรรมจึงเตือนไว้เสมอว่าเราอย่าสูญเสียอิสรภาพนี้ไปพร้อมทั้งอย่าสูญเสียความสามารถที่จะเป็นสุขสิ่งที่คนเราจะพัฒนากันมากก็คือ..............
การพัฒนาความสามารถที่จะหาสิ่งเสพมาบำเรอ ความสุขแม้แต่การศึกษา ทำไปทำมาก็ไม่รู้ตัวว่ากลายเป็นการพัฒนา ความสามารถที่จะหาสิ่งเสพบำเรอความสุขแต่อีกด้านหนึ่งของชีวิตที่ ลืมไป คือการพัฒนาความสามารถที่จะมีความสุข
ถ้าเราไม่พัฒนาความ สามารถที่จะมีความสุขหรือแม้แต่ไม่รักษามันไว้เราก็สูญเสียความสามารถ ที่จะมีความสุข
อาการของคนที่สูญเสียความสามารถที่จะมีความสุขก็ คือยิ่งอยู่ในโลกนานไปก็ยิ่งกลายเป็นคนที่สุขยากขึ้น
คนจำนวนมากสมัยนี้ มีลักษณะอย่างนี้คืออยู่ในโลกนานไป เติบโตขึ้น กลายเป็นคนที่สุขได้ยากขึ้น
ต่างจากคนที่รักษาดุลยภาพของชีวิตไว้ได้โดย พัฒนาความสามารถที่จะมีความสุขควบคู่ไปด้วยจะเป็นคนที่มีมีลักษณะตรง ข้ามคือยิ่งอยู่ในโลกนานไป ก็ยิ่งเป็นคนที่สุขได้ง่ายขึ้น
ถ้าเป็นคนที่สุขได้ง่ายขึ้น ก็ดี 2 ชั้น คือเราพัฒนาสองด้านไปพร้อมกันทั้ง พัฒนาความสามารถที่จะหาสิ่งเสพบำเรอความสุขด้วยและพัฒนาความสามารถที่จะมีความสุขด้วยผลก็คือ เราหาสิ่งมาบำเรอความสุขได้เก่งได้มาก ด้วย และพร้อมกันนั้นเราก็เป็นคนทีสุขได้ง่ายด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2553 17:16:59 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 16:28:18 »




เราก็เลยสุขซ้อนทวีคูณส่วนคนที่สูญเสียความสามารถที่จะมีความสุขแม้จะหาสิ่งเสพบำเรอ ความสุขได้มากแต่ความสุขก็ที่เดิมเรื่อยไป เพราะข้างนอกได้มา 1 แต่ข้างในก็ลดลงไป 1 เลยเหลือ 0 ที่เดิมกระบวนการวิ่งหาความสุขจึงดำเนิน ไปไม่รู้จักจบสิ้นเพราะความสุขวิ่งหนีเราไปเรื่อย ๆ
เพราะฉะนั้น จะต้องพัฒนาความสามารถที่จะมีความสุขไว้ด้วยคู่กันเป็นคนที่สุขได้ง่ายก็ เป็นอันว่าสบาย อย่างน้อยก็ฝึกตัวเองไว้
อย่าให้ความสุขต้องขึ้นกับ วัตถุมากเกินไป ศีล 5 เป็นตัวอย่างของวิธีฝึกไม่ให้เราสูญเสียอิสรภาพ
โดยไม่เอาความสุขไปขึ้น ต่อวัตถุมากเกินไปแปดวันก็รักษาศีล 8 ครั้งหนึ่งลองหัดดูซิว่าให้ ความสุขของเราไม่ต้องขึ้นกับการบำรุงบำเรอทางกายด้วย
วัตถุ
เริ่มด้วยข้อวิกาลโภชนาฯไม่ต้องบำเรอลิ้นด้วยอาหารอร่อยอยู่เรื่อยไม่คอยตามใจลิ้นกินแค่เที่ยงเพียงพอ ที่ร่างกายต้องการเพื่อให้มีสุขภาพดีแข็งแรงตลอดจนข้อ อุจจาสยนะฯ ไม่บำเรอตัวด้วยการนอนไม่ต้องนอนบนฟูก ลองนอนง่าย ๆ บนพื้นบนเสื่อธรรมดา ลองไม่ดูการบันเทิงซิทุก ๘ วันเอาครั้งเดียวจะเป็นการรักษาอิสรภาพของชีวิตไว้และฝึกให้เรามีชีวิต อยู่ดีได้โดยไม่ต้องขึ้นกับวัตถุมากเกินไปพอฝึกได้แล้วต่อมาเราจะพูดถึงวัตถุหรือสิ่งบำรุงความสุขเหล่านั้นว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้ต่างจากคนที่ไม่พัฒนาความสามารถที่จะมีความสุขซึ่งจะเอาความสุขไปขึ้นต่อวัตถุถ้าไม่มีวัตถุเหล่านั้นเสพแล้วอยู่ไม่ได้ทุรนทุรายต้องพูด ถึงวัตถุหรือสิ่งเสพเหล่านั้นว่าต้องมีจึงจะอยู่ได้ ไม่มีอยู่ไม่ได้คนที่เป็นอย่างนี้จะแย่ ชีวิตนี้สูญเสียอิสรภาพคนยิ่งอายุมากขึ้สถานการณ์ก็ไม่แน่นอน ถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยร่างกายเสพความสุขจากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ เช่น ลิ้นไม่รับรู้รสกินอาหารก็ไม่อร่อย ถ้าไม่ฝึกไว้ความสุขของตัว ไปอยู่ที่วัตถุเหล่านั้นเสียหมดแล้วและตัวก็เสพมันไม่ได้จิตใจก็ ไม่มีความสามารถที่จะมีความสุขด้วยตนเองก็จะลำบากมาก ทุกข์มากเพราะ ฉะนั้นท่านจึงสอนให้ฝึกไว้รักษาศีล 8 นี้แปดวันครั้งหนึ่งจะได้ไม่สูญเสียอิสรภาพนี้ไปเพราะฉะนั้นเอาคำว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้นี้ไว้ ถามตัวเอง เป็นการตรวจสอบอยู่เสมอว่า
เราถึง ขั้นนี้หรือยัง หรือต้องมีจึงจะอยู่ได้ ถ้ายังพูดได้ว่ามีก็ดีไม่มีก็ ได้ ก็เบาใจได้ว่า เรายังมีอิสรภาพอยู่ต่อไปถ้าเราฝึกเก่งขึ้นไปอีกอาจจะมาถึงขั้น
ที่พูดได้ในบางเรื่องว่ามีก็ได้ไม่มีก็ดี ถ้าได้อย่างนี้ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2553 17:18:09 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 16:35:01 »




คนที่พูดได้อย่างนี้ จะมีความรู้สึกว่าของพวกนี้เกะกะเราอยู่ของเราง่าย ๆ ดีแล้ว มีก็ได้ไม่มีก็ดีไม่มีเราก็สบาย ชีวิตเป็นอิสระโปร่งเบา
ความสุข เริ่มไม่ขึ้นต่อวัตถุอามิสสิ่งเสพภายนอกความสุขเริ่มไม่ต้องหาความสุขที่ต้องหา แสดงว่าเราขาดคือยังไม่มีความสุขนั้นเราหาได้ที เสพทีก็มีสุขที
แต่ระหว่างนั้นต้องอยู่ด้วยการออยู่ด้วยความหวัง บางทีก็ถึงกับทุรนทุราย กระวนกระวายเพราะฉะนั้น จะต้องทำตัวให้มีความสุขด้วยตนเองสำรองไว้ให้ได้
ด้วยวิธีฝึกรักษา อิสรภาพของชีวิตและรักษาความสามารถที่จะมีความสุขไว้




....................................ขั้นที่ 2 พอเจริญคุณธรรม..................................



เช่น มีเมตตากรุณา มีศรัทธาเราก็มีความสุขเพิ่มขึ้นอีกประเภทหนึ่งแต่ก่อนนี้ชีวิตเคย ต้องได้วัตถุมาเสพต้องได้ ต้องเอาเมื่อได้จึงจะมีความสุขถ้าคือเสียก็ไม่มีความสุขแต่คราวนี้ คุณธรรมทำให้ใจเราเปลี่ยนไปเหมือน พ่อแม่ที่มีความสุขเมื่อให้แก่ลูก เพราะรักลูก ความรักคือเมตตา
ทำให้อยากให้ลูกมีความสุขพอให้แก่ลูกแล้วเห็นลูกมีความสุข ตัวเองก็มีความสุขเมื่อพัฒนาเมตตากรุณาขยายออกไปถึงใครให้แก่คนนั้นก็ทำให้ตัวเองมีความสุขศรัทธาในพระศาสนาในการทำความดีและใน การบำเพ็ญประโยชน์เป็นต้นก็เช่นเดียวกัน เมื่อให้ด้วยศรัทธาก็มี ความสุขจากการให้นั้นดังนั้นคุณธรรมที่พัฒนาขึ้นมาในใจเช่น เมตตากรุณา ศรัทธาจึงทำให้เรามีความสุขจากการให้การให้กลายเป็นความสุข




...................................ขั้นที่ 3 ความสุขเกิดจากการดำเนินชีวิตถูกต้อง................................



สอดคล้องกับความเป็น จริงของธรรมชาติไม่หลงอยู่ในโลกของสมมติที่ผ่านมานั้นเราอยู่ใน โลกของสมมติมากและบางทีเราก็หลงไปกับความสุขในโลกของสมมตินั้นแล้ว ก็ถูกสมมติ ล่อหลอกเอาอยู่ด้วยความหวังสุขจากสมมติที่ไม่จริงจัง ยั่งยืนและพาให้ตัวแปลกแยกจากความจริงของธรรมชาติและขาดความสุข ที่พึงได้จากความเป็นจริงในธรรมชาติเหมือนคนทำสวนที่มีหวังความสุขจาก เงินเดือนเลยมองข้ามผลที่แท้จริงตามธรรมชาติจากการทำงานของตัวคือ ความเจริญงอกงามของต้นไม้ทำให้ทำงานด้วยความฝืนใจเป็นทุกข์ความ สุขอยู่ที่การได้เงินเดือนอย่างเดียวได้แต่รอความสุขที่อยู่ข้างหน้าแต่พอใจมาอยู่กับความเป็นจริงของธรรมชาติอยากเห็นผลที่แท้จริงตามธรรมชาติ ของการทำงานของตน คือ อยากเห็นต้นไม้เจริญงอกงาม
หายหลงสมมติก็มีความสุขในทำสวนและได้ความสุข จากการชื่นชมความเจริญงอกงามของต้นไม้อยู่ตลอดเวลาดังนั้น คนที่ปรับชีวิตได้ เข้าถึงความจริงของธรรมชาติจึงสามารถหาความสุขจาก การดำเนินชีวิตที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของธรรมชาติ ได้เสมอพอ ปัญญามาบรรจบให้วางใจถูกชีวิตและความสุขก็ถึงความสมบูรณ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2553 17:19:25 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 16:43:10 »




........................................ขั้นที่ 4 ความสุขจากความสามารถปรุงแต่ง...............................



คนเรานี้มีความสามารถในการปรุงแต่งซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของมนุษย์ปรุงแต่งทุกข์ก็ได้ปรุงแต่งสุขก็ได้โดยเฉพาะที่เห็นเด่นชัดก็คือปรุงแต่งความคิดมาสร้าง สิ่งประดิษฐ์ จนมีเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่สำคัญก็คือในใจของเราเองเรา มักจะใช้ความสามารถในทางที่เป็นผลร้ายแก่ตนเอง
แทนที่จะปรุงแต่งความสุข เรามักจะปรุงแต่งทุกข์คือเก็บเอาอารมณ์ที่ไม่ดี ที่ขัดใจ ขัดหู ขัดตาเอา มาครุ่นคิดให้ไม่สบายใจ ขุ่นมัว เศร้าหมองโดยเฉพาะคนที่สูงอายุนี่ ต้องระวังมากใจคอยจะเก็บอารมณ์ที่กระทบกระเทือนไม่สบาย แล้วก็มาปรุงแต่ง ให้เกิดความกลุ้มใจว้าเหว่ เหงา เรียกใช้ความสามารถไม่เป็นพระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรารู้จักใช้ความสามารถ ในการปรุงแต่งแทนที่จะปรุงทุกข์ ก็ปรุงสุขเก็บเอาแต่อารมณ์ที่ดีมา ปรุงแต่งใจให้สบายแม้แต่หายใจ ที่ยังให้ปรุงแต่งความสุขไปด้วยลอง ฝึกดูก็ได้เวลาหายใจเข้า ก็ทำใจให้เบิกบานเวลาหายใจออก ก็ทำใจให้โปร่งเบาท่านสอนไว้ว่าสภาพจิต 5 อย่างอย่างนี้ควรปรุงแต่งให้มีในใจอยู่เสมอ คือ.........................................................
1. ปราโมทย์ ความร่าเริงเบิกปานใจ
2. ปีติ ความอิ่มใจ
3. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น ผ่อนคลายกายใจ ไม่เครียด
4. ความสุข ความโปร่งโล่งใจ คล่องใจสะดวก ใจ ไม่มีอะไรมาบีบคั้น หรือติดขัดคับข้อง และ
5. สมาธิ ภาวะที่จิตอยู่กับสิ่งที่ต้องการ ได้ตามต้องการไม่มีอะไรมารบกวน จิตอยู่ตัวของมันขอย้ำว่า 5 ตัวนี่สร้างไว้ประจำใจให้ได้เป็นสภาพ จิตที่ดีมาก
ผู้เจริญในธรรมจะมีคุณสมบัติของจิตใจ 5 ประการนี้พระ พุทธเจ้าตรัสว่า.............................................
ตโต ปาโมชฺชพหุโล ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติ
แปลว่า ภิกษุปฏิบัติถูกต้องแล้วมากด้วยปราโมทย์มีจิตใจร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอจักทำทุกข์ให้หมดสิ้นไปท่านพูดไว้ถึงอย่างนี้ฉะนั้นท่านผู้เกษียณอายุนั้น
ถึงเวลาแล้ว ควรจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ถือเป็นโอกาสดีมาปรุงแต่งใจแต่ก่อนนี้ปรุงแต่งแต่ทุกข์ทำให้ใจเครียดขุ่นมัวเศร้าหมองตอนนี้ปรุงแต่งใจให้มีธรรม 5 อย่างนี้คือ ปราโมทย์ มีความร่าเริงเบิกบานใจ ปีติ ความอิ่มใจปัสสัทธิ ความผ่อนคลาย สงบเย็นกายใจสุข โล่งโปร่งใจสมาธิ สงบใจตั้งมั่นไม่มีอะไรมารบกวน อยู่ตัว สบายเลยทำใจให้ได้อย่างนี้ อยู่เสมอ ท่องไว้เลย 5 ตัวนี้
คือ ปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ สุข สมาธิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2553 17:20:04 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 17:08:14 »




พระพุทธเจ้าประทานไว้แล้วทำไมเราไม่เอามาใช้ นี่แหละความสามารถในการปรุงแต่งจิตเอามาใช้สบายแน่และก็เจริญงอกงามในธรรมด้วยโดยเฉพาะ ท่านผู้สูงอายุนั้นก็เป็นธรรมดาว่าจะต้องมีเวลาพักและเวลาว่างที่ว่างจากกิจกรรมมากกว่าคนหนุ่มสาวและคนวัยทำงานที่เขายังมีกำลังร่างกายแข็งแรงดีว่างจากงานเขาก็ไปเล่นไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้มากแต่ท่านที่สูงอายุนอกจากออกกำลังบริหารร่างกายบ้างแล้วก็ต้องการเวลาพักผ่อนมากหน่อย จึงมีเวลาว่างซึ่งไม่ควรปล่อยให้กายว่างแต่ใจวุ่นเพราะฉะนั้น ในเวลาที่ว่างไม่มีอะไรทำและก็ยังไม่พักผ่อนนอนหลับหรือนอนแล้วก่อนจะหลับ ก็พักผ่อนจิตใจให้สบายขอเสนอวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ไว้อย่างหนึ่งว่าในเวลาที่ว่างอย่างนั้นให้สูดลมหายใจเข้าและหายใจออกอย่างสบาย ๆ สม่ำเสมอให้ใจอยู่กับลมหายใจที่เข้า
และออกนั้นพร้อมกันนั้นก็พูดในใจไปด้วยตามจังหวะลมหายใจเข้าและออกว่าจิตใจเบิกบานหายใจเข้าจิตใจโล่งเบาหายใจออกในเวลาที่พูดในใจอย่างไร
ก็ทำใจให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วยหรืออาจจะเปลี่ยนเป็นสำนวนใหม่ก็ได้ว่าหายใจเข้าสูดเอาความสดชื่นหายใจออก ฟอกใจให้สดใสถูกกับตัวแบบไหนก็เลือกเอาแบบนั้นหายใจพร้อมกับทำใจไปด้วยอย่างนี้ตามแต่จะมีเวลาหรือพอใจก็จะได้การพักผ่อนที่เสริมพลังทั้งร่างกายและจิตใจชีวิตจะมี ความหมาย มีคุณค่า และมีความสุขอยู่เรื่อยไป




......................................ขั้นที่ 5 สุดท้าย ความสุขเหนือการปรุงแต่ง....................................



คราวนี้ไม่ต้องปรุงแต่ง คืออยู่ด้วยปัญญาที่รู้เท่าทันความจริงของโลกและชีวิตการเข้าถึงความจริงด้วยปัญญาเห็นแจ้งทำให้วางจิตวางใจลงตัวสนิทสบายกับ ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่อย่างผู้เจนจบชีวิตสภาพจิตนี้จะเปรียบเทียบได้ เหมือนสารถีที่เจนจบการขับรถสารถีผู้ชำนาญในการขับรถนั้น จะขับม้าให้นำรถเข้าถนนและวิ่งด้วยความเร็วพอดีตอนแรกต้องใช้ความ พยายาม ใช้แซ่ ดึงบังเยนอยู่พักหนึ่งแต่พอรถม้านั้นวิ่งเข้าที่เข้าทาง ดี ความเร็วพอดี อยู่ตัวแล้วสารถีผู้เจนจบ ผู้ชำนาญแล้วนั้นจะนั่งสงบสบายเลยตลอดเวลานั้นเขาไม่มีความประหวั่น ไม่มีความหวาด จิตเรียบสนิทไม่เหมือนคนที่ยังไม่ชำนาญจะขับรถนี่ใจคอไม่ดีหวาดหวั่นใจคอยกังวลโน่นนี่ไม่ลงตัวแต่พอรู้เข้าใจความจริงเจนจบดี ด้วยความรู้นี่แหละจะปรับความรู้สึกให้ลงตัวเป็นสภาพจิตที่เรียบสงบสบายที่สุดคนที่อยู่ในโลกด้วยความรู้เข้าใจโลกและชีวิตตามเป็นจริงจิตเจนจบกับโลกและชีวิตวางจิตลงตัวพอดีทุกอย่าง เข้าที่อยู่ตัวสนิทอย่างนี้ท่านเรียกว่าเป็นจิตอุเบกขาเป็นจิตที่สบาย ไม่มีอะไรกวนเลยเรียบสนิทเป็นตัวของตัวเอง ลงตัว เมื่อทุกสิ่งเข้าที่ของมันแล้วคนที่จิตลงตัวเช่นนี้ จะมีความสุขอยู่ประจำตัวอยู่ตลอดเวลาเป็นสุขเต็มอิ่มอยู่ข้างใน ไม่ต้องหาจากข้างนอกและเป็นผู้มีชีวิตที่พร้อมที่จะทำเพื่อผู้อื่นได้ เต็มที่เพราะไม่ต้องห่วงกังวลถึงความสุขของตนและไม่มีอะไรที่จะ ต้องทำเพื่อตัวเองอีกต่อไปจะมองโลกด้วยปัญญาที่รู้ความจริงและ ด้วยใจที่กว้างขวางและรู้สึกเกื้อกูลคนที่พัฒนาความสุขมาถึงขึ้นสุด ท้ายแล้วนี้เป็นผู้พร้อมที่จะเสวยความสุขทุกอย่างใน 4 ข้อแรก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2553 17:20:53 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2553 17:13:41 »




ไม่เหมือนคนที่ไม่ พัฒนา ได้แต่หาความสุขประเภทแรกอย่างเดียวเมื่อหาไม่ได้ก็มีแต่ความ ทุกข์เต็มที่และในเวลาที่เสพความสุขนั้น
จิตใจก็ไม่โปร่งไม่โล่ง มีความหวั่นใจหวาดระแวงขุ่นมัวมีอะไรรบกวนอยู่ในใจสุขไม่เต็มที่แต่พอพัฒนาความสุขขึ้นมายิ่งพัฒนาถึงขั้นสูงขึ้นก็มีโอกาสได้รับความสุข เพิ่มขึ้นหลายทางกลายเป็นว่า ความสุขมีให้เลือกได้มากมายและจิตใจที่พัฒนาดีแล้ว ช่วยให้เสวยความสุขทุกอย่างได้เต็มที่
โดยที่ในขณะนั้น ๆ ไม่มีอะไรรบกวนให้ขุ่นข้องหมองมัวเป็นอันว่าธรรมะ ช่วยให้เรารู้จักความสุขในการดำเนินชีวิตมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปสู่ความเป็นผู้เต็มเปี่ยมสมบูรณ์จนกระทั่งความสุขเป็นคุณสมบัติของชีวิตอยู่ภายใน ตัวเองตลอดทุกเวลาไม่ต้องหาไม่ต้องรออีกต่อไปความสุข 5 ขั้นนี้ความจริงแต่ละข้อต้องอธิบายกันมากแต่วันนี้พูดไว้พอให้ได้หัวข้อก่อนคิดว่าคงจะเป็นประโยชน์พอสมควรขออนุโมทนา ท่านผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านขอตั้งจิตส่งเสริมกำลังใจขอให้ทุกคนประสบจตุรพิธพรชัยมีปีติอิ่มใจอย่าง น้อยว่า ชีวิตส่วนที่ผ่านมาได้ทำประโยชน์ได้ทำสิ่งที่มีค่าไปแล้ว ถือว่าได้บรรลุจุดหมายของชีวิตไปแล้วส่วนหนึ่งเพราะฉะนั้นจึงควรตั้งใจว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอีกสู่จุดหมายชีวิตที่ควรจะได้ต่อไปเพราะ ยังมีสิ่งที่จะทำชีวิตให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีกไม่ใช่แค่นี้ชีวิตนั้นเป็นประโยชน์ ที่จะทำให้เต็มเปี่ยมได้ยิ่งกว่านี้จึงขอให้ทุกท่านเข้าถึงความสมบูรณ์ ของชีวิตนั้นสืบต่อไปและขอให้ทุกท่านมีความร่มเย็นเป็นสุขในพระธรรมของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยทั่วกันตลอดกาลทุกเมื่อ




.................คัดลอกจากหนังสือคู่มือชีวิตของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)....................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤษภาคม 2553 17:21:56 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
Flo Rida - Club Can't Handle Me ft. David Guetta [Official MV] Step Up 3D
หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
หมีงงในพงหญ้า 1 3366 กระทู้ล่าสุด 23 เมษายน 2554 15:29:36
โดย หมีงงในพงหญ้า
พุทธตันตระ - วัชรยาน (The Essense of Jung's Psychology and Tibetan Buddhism)
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 1 2482 กระทู้ล่าสุด 18 กรกฎาคม 2559 22:20:36
โดย มดเอ๊ก
” Engaged Buddhism” พุทธศาสนาเพื่อสังคม ธรรมบรรยาย โดย ท่านติช นัท ฮันห์
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก 3 2708 กระทู้ล่าสุด 25 กรกฎาคม 2559 14:33:20
โดย มดเอ๊ก
[ไลฟ์สไตล์] - เจ้าฟ้าหญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงเปิดงาน THAI TEXTILES TREND BOOK Autumn/Winter 2022-2023
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 418 กระทู้ล่าสุด 27 มกราคม 2565 07:04:51
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - ฮิตติดเทรนด์แคสต์นักแสดง &quot;ค่อยๆรัก STEP BY STEP&quot; ความร่วมมือ 2 พาร์ทเนอร์
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 70 กระทู้ล่าสุด 21 กุมภาพันธ์ 2566 15:09:46
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.31 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 27 มกราคม 2567 16:26:13