17 พฤษภาคม 2567 00:22:14
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
กระบวนการ NEW AGE
.:::
ความทรงจำนอกมิติ : ถึงเวลาที่ต้องยุติระบบต่างๆ ทางสังคมที่ผิด
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : ถึงเวลาที่ต้องยุติระบบต่างๆ ทางสังคมที่ผิด (อ่าน 7171 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0
ความทรงจำนอกมิติ : ถึงเวลาที่ต้องยุติระบบต่างๆ ทางสังคมที่ผิด
«
เมื่อ:
03 มิถุนายน 2553 08:32:19 »
Tweet
ปัญหาและวิกฤติของสังคมของมนุษย์ รวมทั้งความแตกแยกของสังคมไทยที่เกิดขึ้นเพราะมูลเหตุพื้นฐานเพียงอย่างเดียว นั่นคือ เพราะมนุษย์ไม่รู้ความจริงที่แท้จริง ถึงได้ทำให้สังคมโลกมีปัญหาและสังคมไทยต้องวิกฤติอย่างชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนเท่าที่รู้ เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงสนใจในความจริงอันนั้น ดังนั้น จึงสนใจในปัญญาเป็นที่สุด และปัญญานั้นพุทธศาสนาสอนว่ามีอยู 3 ระดับ ระดับแรกเป็นระดับทุกคนแต่ละคน มีมาตั้งแต่เกิดโดยไม่ต้องสอน เรียกว่า จินตมยปัญญา คือหิวต้องกิน เจ็บต้องร้อง หรือแสดงออกทางประสาทของร่างกายเป็นอัตโนมัติ ไม่ว่าจะมีสมองหรือไม่มีสมอง ระดับที่ 2 นั่นคือ สูตะมยปัญญา หมายถึงการได้ยิน ได้อ่าน ได้เรียนรู้ จนกระทั่งได้คิดได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ (โยนิโสมนัสสิการระดับแรกหรือระดับโลกียะ อังกฤษเรียกว่า intelligence) ซึ่งได้มาก็ด้วยการแสวงหาความรู้ รวมทั้งอะไรๆ ที่เรียกว่าความเชื่อ ซึ่งมีไม่น้อยที่ผู้เขียนคิดว่า - โดยอาศัยสติปัญญาเท่าที่หามาได้ร่วมกับการคิดจินตนาการอย่างไตร่ตรองหรือโยนิโสมนัสสิการที่ว่า - ซึ่งภาษาอังกฤษไม่มีหรือมีแต่ผู้เขียนไม่รู้ 3 ผู้เขียนอาจได้มาอย่างกะพร่องกะแพร่ง คิดว่าเป็นความจริงแท้ เรียกว่าปัญญาหยั่งรู้หรือปัญญาปรีชาญาณ (intuition ที่ผู้เขียนคิดว่าเราแปลผิดๆ ว่าลางสังหรณ์) ปัญญาระดับ 3 นี้ นักคิดนักเขียนเข้าใจว่า คือจิตไร้สำนึกร่วมของจักรวาลของคาร์ล จี. จุง (universal unconscious continuum or archetype ของ CarlJung) เพราะฉะนั้น ผู้เขียนถึงได้สนใจชีวิตโดยรวม สนใจแต่มนุษย์ชาติโดยทั่วไป สนใจแต่โลกและสนใจจักรวาล ทั้งในทางวิทยาศาสตร์ทั้งเก่าทั้งใหม่ และศาสนาตามระบบและรูปแบบ โดยเฉพาะพุทธศาสนา ที่นักวิทยาศาสตร์ใหม่หลายคนคิดว่าสอดคล้องแนบขนานกับฟิสิกส์แห่งยุคใหม่จนกระทั่งบางคนมองว่า หรือผู้เขียน - ที่เขียนบทความร่วม 4,000 บทความ มาร่วม 20 ปี - ว่าผู้เขียนคงจะลืมกำพืดของตัวเองไปแล้ว เพราะแทบไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับประเทศไทยเลย
เราที่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะเราในประเทศไทย ภายหลังจากการก่อการจลาจล - เพราะผู้เขียนคิดว่ารัฐบาลอาจจะประมาทไปสักหน่อย เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า - ในส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่ง - ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงของประชาชนระหว่างคนรวยกับคนจน และคนเมืองกับคนชนบท ซึ่งคือความไม่เป็นธรรมของสังคมที่สำคัญจะสามารถก่ออันตรายได้อย่างที่สุด - จากกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นๆ - กลุ่มผู้ชุมนุมอันประกอบด้วยคนจนและคนชนบทที่สวมใส่เสี้อสีแดง จนกระทั่งสามารถก่อมิคสัญญีให้เกิดขึ้นได้จนกระทั่งมีการบาดเจ็บล้มตายจากการชุมนุมและการจลาจลนั้นๆ ไปถึงร่วมสองพันคน และทรัพย์สินทั้งของรัฐและเอกชนไปมากแสนมาก ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นผู้เขียนเชื่อว่ามีสาเหตุไม่มากก็น้อยมาจาก หนึ่ง เราคนไทยที่ส่วนใหญ่มากๆ ที่ปากบอกว่านับถือพุทธ แต่ดังที่ผู้เขียนบอกในบทความครั้งที่แล้วว่ามักไม่เข้าใจในกฎแห่งกรรมที่ทางพุทธศาสนาและศาสนาที่มาจากลัทธิพระเวทล้วนบอกว่า กรรมไม่มีทางที่จะหนีได้พ้น เพราะกรรมคือแหล่งที่เกิดของสัตว์ ์โลก รวมทั้งมนุษย์ กรรมทำให้เราเกิดมาไม่เท่ากัน บางคนเกิดมารวยหรือเป็นผู้สูงศักดิ์ แต่บางคนเกิดมาจนและยากไร้ ที่จะเป็นไปตามกรรมใหม่นั้นๆ โดยไม่มีทางหลีกหนี สอง แต่เรากลับไม่เชื่อเช่นนี้ กลับไปเชื่อ ไปนับถือ และนำมาใช้ก็แต่ระบบของฝรั่งตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นระบบสังคม ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง ฯลฯ เชื่อก็แต่ในด้านกายภาพรูปธรรมสิ่งที่ตามองเห็นเท่านั้นว่าคือความจริง เช่น สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ความเจริญความก้าวหน้า พัฒนาหรือจีดีพี คือ ความสุขความถูกต้องชอบธรรมแต่เพียงอย่างเดียว ความเป็นตะวันตกในข้อที่ 2 นี้ เรารับมาเป็นวัฒนธรรมของไทยเราไปตั้งแต่กว่าร้อยปีก่อน ซึ่งนับวันจะยิ่งกัดกร่อนชอนไชเข้าไปในกระดูกดำของเรา ด้วยระบบการศึกษาและวิทยาศาสตร์เก่า ชีววิทยาเก่าๆ แต่คิดจริงๆ ว่าเป็นความจริงแท้ที่สามารถมองเห็นด้วยตาและพิสูจน์ได้ด้วยเทคโนโลยีที่ให้ความจริงเท่าที่ตามนุษย์มองเห็นที่สุดแสนจะหยาบใหญ่ในระดับฟิสิกส์ใหม่ ระดับควอนตัมระดับอะตอมและอนุภาค และที่เราคิดว่าเป็นความจริงนั้นๆ ซึ่งก็เป็นเพียงความสัมพันธ์หรือสัมพันธภาพ (relative) กับสิ่งอื่นๆ ในโลกในจักรวาลที่ทุกสรรพสิ่งทุกๆ ปรากฏการณ์จะพัวพันกันและกันเป็นองค์รวมซ้อนองค์รวมเป็นบูรณาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่คนไทยเรากว่าที่จะได้ติดตามและยอมรับกันเช่นนั้น ซึ่งก็คือฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ - แม้นักวิชาการหรือนักวิทยาศาสตร์เองในปัจจุบัน - นั่นก็หายากยิ่งนัก
ที่ตั้งเป็นหัวข้อของบทความของวันนี้นั้น ผู้เขียนคิดเช่นนั้นจริงๆ และก็ช่วงนี้ดูจะเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่เราจะเปลี่ยนแปลงสังคมชุมชนของเราเพื่อให้ประเทศไทยเราเป็นผู้นำของโลกอนาคตอันใกล้นี้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลง (transform) ตัวเอง หรือโลกทั้งโลกให้ถูกต้องสอดคล้องกับธรรมชาติเสียที หลังจากที่ประเทศต่างๆ ทั่วทั้งโลกเดินทางผิด และมีวิถีชีวิตอย่างผิดๆ ตามประเทศทางตะวันตกมาเสียนานร่วมสามพันปี ดังที่เราทราบหรือคาดเดาจากปรัชญาของชาวกรีก โดยเฉพาะอริสโตเติลที่บอกว่า "คนเราหวังแต่จะมีชีวิตที่มีแต่ความสุข" และความสุขนั้นรับรองได้ว่าเป็นไปตามที่ตาเรามองเห็น แถมเอปิคิวรัสยังบอกอีกด้วยว่า ความสุขที่ว่าหมายถึงความสุขสนุกสนานทางกายภาพ (hedonism) เท่านั้น อันเป็นปรัชญาในเชิงรูปธรรมและคลี่คลายเป็นหลักการแยกส่วนกับวัตถุนิยมที่มีเหตุผลของมนุษย์อ้างอิง ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะขัดแย้งกับธรรมชาติหรือไม่ และเหตุผล (reason) ที่แท้จริงเป็นแค่ความคิดจินตนาการของนักปรัชญา (คน) ก็ได้ กลายเป็นข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เรียบร้อยไปในภายหลัง (scientific rationalism)
นั่นคือพื้นฐานวิธีคิดของชาวฝรั่งอันเป็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของตะวันตกที่ได้กลายเป็นอารยธรรม "สมัยใหม่" ไปทั่วทั้งโลกในปัจจุบัน นั่นคือพื้นฐานของความเจริญก้าวหน้าพัฒนาที่ทุกๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนารวมทั้งสังคมที่บ้านเราพาลคลั่งไคล้กระวนกระวายแสวงหา นั่นคือสิ่งที่ตอกย้ำพิสูจน์ได้แต่เฉพาะรูปกายและความเป็นวัตถุ (materialism) ของหลักการทั้งหมด ความเป็นตะวันตกที่ผิดธรรมชาติอย่างยิ่ง และมนุษย์เรา - ที่ก็เป็นธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ว่าฝรั่งที่มักแสดงว่าไม่ยอมรับ เช่น ฟรานซิส เบคอน หรืออเล็กซานเดอร์ โป๊ป - และที่เราจำต้องแก้ไขโดยด่วน หาไม่แล้วมนุษยชาติก็จะต้องสูญสลายหายไปทั้งเผ่าพันธุ์ในฉับพลันทันทีเหมือนกับไดโนเสาร์ เพียงแต่เวลาที่เราไม่รู้อย่างแน่นอนว่าเป็นเมื่อไหร่? แต่คิดว่าคงจะใกล้ๆ นี้ เพราะเหตุว่าเราได้ทำอย่างผิดธรรมชาติจริงๆ เรากระทั่งดูถูกดูแคลนและเบียดเบียนธรรมชาติ-สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวมาตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพราะว่า อารยธรรม "สมัยใหม่" ที่ว่าที่ทุกประเทศในโลกโดยไม่มีการยกเว้น เว้นแต่สังคมที่เราเรียกว่าบ้านป่าเมืองเถื่อนจริงๆ ออกไปไกลๆ หรือไปหายากจริงๆ เช่น แถวอะเมซอนนั่น พูดง่ายๆ นั่นคืออารยธรรมของโลกในปัจจุบัน เป็นแต่ราวๆ 2,500 ปีมาแล้ว ที่กรีซ และเพราะอริสโตเติลที่เชื่อว่าวัตถุประสงค์ของชีวิตทุกชีวิต คือการแสวงหาชีวิตที่ดี ซึ่งเขาสรุปว่าชีวิตที่ดีมีคุณภาพนั้นก็คือความสุขนั่นเอง และเนื่องจากอริสโตเติลมีความคิดเห็นเป็นตรงกันข้ามกับพลาโตอาจารย์ของเขา เพราะอริสโตเติลเชื่อเฉพาะโลกนี้ซึ่งเป็นโลกที่ตามองเห็นนี้เท่านั้นว่าเป็นความจริง (this world only) ซึ่งต่อมาด้วยเหตุผลข้อนี้กับวิทยาศาสตร์กายภาพของเซอร์ไอแซค นิวตัน ชีววิทยาของชาร์ลส์ ดาร์วิน และจิตวิทยาของซิกมันด์ ฟรอยด์ ทั้ง 3 องค์ความรู้ 3 วิทยาการที่สรรค์สร้างอารยธรรม "สมัยใหม่" ให้กับโลกใบนี้และกับมวลมนุษยชาติ อารยธรรมที่เมื่อก่อนนี้เป็นเพียงวัฒนธรรมของยุโรปตะวันตกที่ได้แพร่กระจายสู่อเมริกา และสุดท้ายแพร่กระจายสู่ที่อื่นและที่ต่างๆ ของโลกทั้งโลก โดยเฉพาะทางตะวันออก สู่อินเดีย จีนและประเทศไทย อารยธรรม "สมัยใหม่" ที่มีความรู้แยกส่วน และวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีกายภาพวัตถุนิยม (materialism) อันเป็นองค์ความรู้ที่ผิดไปจากธรรมชาติอย่างที่สุด ดูถูกธรรมชาติอย่างที่สุด ที่สำคัญคือไร้ทั้งจิตของปัจเจกบุคคลและจิตวิญญาณร่วมโดยรวมของจักรวาลอย่างที่สุด ฉะนั้น อารยธรรม "สมัยใหม่" จึงมีแต่จะก่อความแตกแยกร้าวฉาน กิเลสตัณหาและความอิจฉาริษยาให้แก่มนุษย์ ทั้งภายใน-ภายนอก เพราะอารยธรรมให้แต่ความจริงอย่างเดียวที่ตาเห็นเท่านั้น จึงมีแต่ผลิตความก้าวหน้าพัฒนาที่แยกส่วน สังคมใครสังคมมัน นอกจากนี้ความรู้และวิทยาศาสตร์กายภาพยังผลิตสร้างระบบทุกๆ ระบบของสังคม ไม่ว่าจะเป็นระบบเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา ฯลฯ ผิดไปทั้งนั้น นั่นคือ ความรู้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่ต่อต้านคัดค้านธรรมชาติอย่างหนักหน่วงรุนแรงที่สุด ผิวเผินที่สุด หยาบที่สุดที่เราได้รับมาจากทางตะวันตกนั้น ได้ทำให้ทุกๆ ประเทศทั่วทั้งโลกยอมรับอารยธรรม "สมัยใหม่" นั้นด้วยความยินดีและปรีดาอย่างสุดๆ
ผู้เขียนเชื่อว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะทำอะไรที่กล่าวมานั้นให้สำเร็จ เราจะต้องคิดออกว่า การที่เราจะฟื้นฟู เยียวยา หวังในความปรองดอง ฯลฯ จากคนในสังคมเดียวกัน เหมือนพี่น้องกัน หากว่าแตกแยกร้าวฉานกันช้านานก็เป็นเช่นจานกระเบื้องที่แตกเป็นผุยผงนั้น ความเคียดแค้นชิงชังระหว่างกันนั้นจะเลวร้ายกว่าคนต่างเผ่าพันธุ์มากนัก แทบจะไม่มีทางหวนกลับมาคืนดีเหมือนเดิมได้เลย เช่น ยิวกับอาหรับที่เป็นศัตรูกันก่อนยุคของโมเสส แม้ว่าต่างก็เป็นเซมิติคด้วยกัน ลองกลับไปอ่านหนังสือของทอมัส คูห์น ใหม่อีกทีก็ได้ ความผิดพลาดไม่แน่นอนนั้นคือความจริงแท้ แต่เราที่เกิดเป็นมนุษย์นั้น อาจจะไม่รู้ว่าตัวเองดำรงชีวิตตลอดเวลาเพื่อแก้ไข เราชอบใจหรือไม่ชอบใจอย่างไร? เราก็ต้องแก้ไขซ่อมแซมอยู่วันยังค่ำ หากเราไม่แก้ คนอื่นก็ต้องแก้ แก้ไขกันอยู่นั่นแล้ว เพราะชีวิตคือความทุกข์จึงต้องแก้ไข จนกว่าเราจะรู้ความจริงที่แท้จริง
ความจริงที่แท้จริงคือความไม่แน่นอนและความทุกข์ และความจริงก็คือโลกนี้จักรวาลนี้ประกอบขึ้นด้วย 2 อย่างเท่านั้น คือนามกับรูป ซึ่งหมายถึงจิตรู้ (จิตสำนึก) กับรูปร่าง ซึ่งเมื่อไล่ไปแล้วก็คือจิตกับกายนั่นเอง เพราะฉะนั้น ความเป็นตะวันตกที่มองเท่าที่ตาเห็น หูได้ยิน มองเห็นแต่กาย แต่รูปธรรมกาย-วัตถุที่ตั้งอยู่ภายนอกว่าเป็นความจริงที่แท้จริงแต่เพียงอย่างเดียวจึงผิดมากกว่า เพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้พัฒนามาทีหลัง เช่น ตรรกะและเหตุผล ความรู้ ระบบต่างๆ ของสังคมตั้งแต่ต้นเลยจึงผิดมากกว่า ในขณะที่ตะวันออกเอง แม้ว่าจะเห็นรูปกาย แต่กลับไปสนใจในสิ่งที่ตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยินว่าเป็นความจริงแท้เพียงอย่างเดียว คือสนใจในจิตใจหรือจิตมากกว่า จนพัฒนาต่อไปกระทั่งไปเป็นจิตนิยมที่งมงายหรือไสยศาสตร์ ตะวันตกที่มีแต่กายวัตถุจึงมีความเจริญก้าวหน้าทางกายภาพยิ่งนัก ซึ่งผิดเพราะความจริงนั้นต้องมีทั้งนามกับรูป หรือกายกับจิต จิตนั้นจะต้องไม่ใช่จิตนิยมที่งมงายหรือไสยศาสตร์อย่างว่า แต่จะต้องเป็น จิตวิญญาณ (spirituality) ที่จะนำไปสู่การตรัสรู้หรือนิพพาน.
http://www.thaipost.net/sunday/300510/22755
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
ความทรงจำนอกมิติ
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : รูป นาม วิญญาณกับจักรวาลวิทยา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2489
21 กุมภาพันธ์ 2553 14:00:45
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : วิวัฒนาการสุดท้ายของสังคมมนุษย์
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2767
08 มีนาคม 2553 08:52:02
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ประวัติศาสตร์คือบันทึกความสัมพันธ์ของดินกับฟ้า
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2081
05 เมษายน 2553 08:47:42
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2025
18 เมษายน 2553 17:16:25
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : มนุษย์กับโลกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2076
03 พฤษภาคม 2553 08:42:23
โดย
มดเอ๊ก
กำลังโหลด...