ว่ากันด้วยเรื่องของบารมี : บารมี คือ ?บารมีแบ่งเป็น บารมีต้นเรียก บารมี ๑๐
บารมีระดับกลางเรียก อุปบารมี ๑๐
บารมีระดับสูงสุดเรียก ปรมัตถบารมี ๑๐ รวมแล้วท่านเรียก
บารมี ๓๐ ทัศ (สำหรับท่านผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ)
สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ ก็คงอยู่แค่ บารมี ๑๐ นี้เท่านั้น
บารมี ๑๐ สำหรับ ผู้ต้องการบำเพ็ญ ไม่ว่าพระ หรือ ฆารวาส ทำได้ทั้งสิ้น ก็มีดังนี้• ทาน
• ศีล
• เนกขัมมะ
• ปัญญา
• วิริยะ
• ขันติ
• สัจจะ
• อธิษฐาน
• เมตตา
• อุเบกขา แต่จะอธิบายแค่ บารมีเดียว คือ ศีล หรือ สีลบารมี เพราะนอกนั้นคล้ายกันหมด
ศีลบารมี หรือ สีลบารมีนี้ ยังแบ่งออกไปเป็น ๓ ชั้น คือ
-
สีลบารมี ได้แก่ ศีลที่บำเพ็ญ “ด้วยรักศีลยิ่งกว่าบุคคลที่รักทรัพย์สิน” คือ เสียทรัพย์ไปดีกว่าศีลขาด ดังภาษิตว่า “ผู้รักษาศีลพึงรักศีล เคารพในศีล เหมือนนกต้อยตีวิดรักษาไข่ เหมือนจามรีรักษาขนหางเหมือนมารดารักษาลูกที่รัก หรือเหมือนคนตาบอดข้างหนึ่งรักษานัยต์ตาอีกข้างหนึ่งที่เหลืออยู่”
-
สีลอุปบารมี ได้แก่ ศีลที่บำเพ็ญ “ด้วยรักศีลยิ่งกว่าอวัยวะร่างกายของตน” เสียอวัยวะ เช่น แขน ขา ฯลฯ ไปดีกว่าศีลขาด ดังคำของ จัมเปยยกนาค ว่า “ร่างกายของเราจงแตกกระจัดกระจายอยู่ในที่นี้ เหมือนแกลบที่เขาโปรยกระจัดกระจายอยู่ก็ตามที เราจะไม่ทำลายศีล”
-
สีลปรมัตถบารมี ได้แก่ ศีลที่บำพ็ญ “ด้วยรักศีลยิ่งกว่าชีวืตของตน” เสียชีวิตไปก็ไม่เสียดาย ดีกว่าทำศีลขาด ดังคำของ ภูริทัตนาคราช ว่า “ความสละชีวิตของตนเบายิ่งกว่าหญ้าในเรา ความละเมิดศีลสำหรับเราเหมือนพลิกแผ่นดิน” และดังภาษิตว่า “นรชนพึงสละทรัพย์เพราะเหตุแห่งอวัยวะเมื่อจะรักษาชีวิตพึงสละอวัยวะ เมื่อระลึกถึงธรรม พึงสละทุกอย่างทั้งอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต”
สรุปว่า การบำเพ็ญบารมีแบ่งเป็น ๓ ขั้น คือ - รักบารมีที่บำเพ็ญ ยิ่งกว่าทรัพย์ สิ่งของ
- รักบารมีที่บำเพ็ญ ยิ่งกว่า อวัยวะในร่างกาย
- รักบารมีที่บำเพ็ญ ยิ่งกว่า ชีวิตของตน ทีนี้ท่านใดต้องการบำเพ็ญบารมีขั้นใดก็เลือกเอาตามใจแล....