[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 เมษายน 2567 19:05:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 2 [3] 4 5 ... 9
41  นั่งเล่นหลังสวน / แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ) / Re: โดนใจจริง ๆ โฆษณาเบียร์ของญี่ปุ่น ทำออกมาประทับใจ เมื่อ: 11 มีนาคม 2554 23:08:21
สวยงามมากมายเลยค่ะ  แต่่ในทีวีตอนนี้กำลังดูภาพแผ่นดินไหว ช่างน่ากลัวอะไรอย่่างนี้เนอะ
ธรรมชาติเริ่มโหดร้ายขึ้นทุกวัน ๆ แล้วสินะ  แล้วพวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่่ 
อยาลืมกันนะคะว่า ความดีไม่มีขายอยากได้ต้องทำเองจ้า  *-*
42  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ใต้เงาไม้ / Re: หากเหนื่อยนัก..ก็พักหน่อย.แล้วค่อยไป ! (๒) เมื่อ: 10 มีนาคม 2554 10:07:18
 ตลก

ถ้ามาพร้อมส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง
นั่งริมทุ่ง มองต้นข้าวเขียว ๆ  แล้วก็นั่งเปิบข้าวเหนียว
ส้มตำ ท่าทางจะอร่อยไม่ใช่น้อยเลยนะคะ

เห็นเค้าว่าสีเขียวทำให้เจริญอาหารด้วยล่ะ *-*
43  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ใต้เงาไม้ / Re: หากเหนื่อยนัก..ก็พักหน่อย.แล้วค่อยไป ! (๒) เมื่อ: 09 มีนาคม 2554 19:50:29



 ยิ้ม  ชอบทุ่งหญ้าแบบนี้จังค่ะ
รู้สึกผ่อนคลายดีมาก ๆ เลยล่ะ
44  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / Re: สุขใจชวนชิม : ข้าวหมาก 100 ปี การันตีมาแต่รุ่นยายทวด อร่อยจังไอ้หลานเอ้ย ! เมื่อ: 07 มีนาคม 2554 22:08:55
 ตลก ลองทำดูแล้วล่ะเมื่อวาน  รอดูผลก่อน ยังไม่กล้าเอามาโชว์
ตื่นเต้นๆ ๆ   สนุกดีเหมือนกันค่่ะ เปิคคอมไปทำไป *_*
45  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / ชี้ช็อกโกแลต เซ็กส์ หัวเราะ ช่วยเพิ่มพลังสมอง เมื่อ: 05 มีนาคม 2554 09:30:09


รู้จักปรับวิถีชีวิต ลดตัวบั่นทอนจิตใจ ยืดอายุการใช้งานสมองได้

 หนังสือพิมพ์เดอะเดลี่เมล์และหนังสือพิมพ์เดอะเดลี่เทเลกราฟฉบับออนไลน์ของอังกฤษรายงานวานนี้ว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาพลังสมองและจิตใจได้ตีพิมพ์ผลงานเป็นหนังสือเกี่ยวกับเคล็ดลับการฝึกสมองให้ได้ดี

 โดยหนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจตรงที่ว่าผู้เขียนได้ใช้ข้อมูลอ้างอิงมาจากผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายรายการจากทั่วโลกและชี้ให้เห็นว่าเรื่องความเฉลียวฉลาดปราดเปรื่องนั้นสามารถสร้างได้ด้วยการกินและกำหนดวิถีชีวิตที่เสริมสร้างพลังสมองและจิตใจ

 หนังสือเล่มนี้ระบุว่าการรับประทานช็อกโกแลตดำ และเนื้อชนิดเย็นเป็นอาหารเช้าเป็นเมนูที่พบว่าช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อสีเทาในสมองได้มากที่สุด ส่วนการมีเซ็กส์ที่ดีนั้นจำเป็นอย่างยิ่งต่อการรักษาความแข็งแก่รงของสมองไว้เมื่อสูงอายุขึ้น

 ส่วนเคล็ดลับสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาจิตใจตัวเองให้มีพลังขึ้นผู้เขียนแนะนำว่าจะต้องหลีกเลี่ยงการสูบกัญชา เลิกดูละครทีวี และไม่ออกไปเที่ยวข้างนอกกับคนที่ชอบคร่ำครวญถึงแต่ความทุกข์ยากและปัญหา

 ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่าเทอร์รี่ ฮอร์น ซึ่งเป็นอาจารย์สอนด้านบริหารธุรกิจอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่ง แลนแคสเตอร์ในประเทศอังกฤษ

 “เป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้วที่เราเชื่อกันว่าความสามารถในการจำของสมองเราถูกกำหนดโดยพันธุกรรรม แต่ปัจจุบันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ามันเป็นเรื่องของทางเลือกในการใช้ชีวิตต่างหากที่เป็นตัวกำหนด” คุณฮอร์นกล่าว

 “สิ่งที่เราทานและดื่ม วิธีการที่เราเรียนรู้ที่โรงเรียน และอารมณ์ต่าง ๆ ที่เรามักจะมีล้วนเป็นสิ่งสำคัญทั้งสิ้น” เขากล่าวและว่า “คนเราสามารถสร้างวิถีชีวิตในทางที่ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันความเสื่อมถอยของความสามารถสมองซึ่งเคยมองกันว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังพ้นอายุ 17 ปีไปแล้วได้เท่านั้น แต่ยังจะช่วยเพิ่มความสามารถในการจำไปเรื่อย ๆ ในช่วงชีวิตวัยผู้ใหญ่ของเราได้ด้วย”

 นอกจากทฤษฏีทางสมองที่อ้างอิงมาจากผลการวิจัยทั่วโลกเหล่านี้แล้วหนังสือเล่มนี้ซึ่งมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Teach Yourself: Training Your Brain” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “สอนตัวเองฝึกสมอง” ยังมีแบบฝึกหัดฝึกสมองและจิตใจ การคิดเชิงใช้เหตุผล การเลือกรับประทานอาหาร และเลือกสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย ปัจจัยที่บั่นทอนสมองในวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ควรเลี่ยงอื่นๆ

 นอกจากนี้แล้วหนังสือเล่มนี้ยังระบุด้วยว่าที่บอกว่าเซ็กส์มีผลดีต่อสมองนั้นก็เพราะว่ามีการวิจัยพบว่าเมื่อมีเซ็กส์ที่อิ่มเอมร่างกายจะผลิตสารเคมีสำคัญ ๆ ถึง 7 อย่างออกมากระตุ้นสมอง เป็นต้นว่า ออกไซโตซิน (oxytocin) หรือที่เรียกกันว่าฮอร์โมนแห่งความเชื่อมั่น (Trust hormone) ซึ่งมีการวิจัยพบว่าช่วยทำให้คนเราสามารถคิดถึงทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ และดี ๆ ได้

ส่วนช็อกโกแลตนั้นพบว่ามีสาระสำคัญพวกแมกนีเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอลส์ ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและลดโอกาสที่สมองจะถูกทำให้สึกหรอลงไป ในขณะที่การมีความเชื่อมั่น มองโลกในแง่ดี มีความสุขอยู่เสมอ และการทำงานร่วมกับคนอื่น และอ่านหนังสือออกเสียงก็พบว่าช่วยพัฒนาสมองและความจำเช่นกัน

 

 

ที่มา
ข้อมูลจาก : สำนักข่าวต่างประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ


46  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / 4 พฤติกรรมทำอาหารไม่ย่อย เมื่อ: 05 มีนาคม 2554 09:23:45



พฤติกรรมแสนคุ้น เคยที่เราละเลยคิดว่าไม่มีอะไรนั้น อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและสุขอนามัยได้ วันนี้เราจึงขอเตือน 4 นิสัยการกินที่ทำให้อาหารไม่ย่อย ดังนี้



พฤติกรรมกินข้าวหน้าคอม นอกจากไม่ถูกสุขลักษณะแล้ว งานวิจัยบางชิ้นยังระบุว่าพฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้สมองสนใจแต่สิ่งที่ปรากฏหน้าคอม โดยไม่รับรู้รสและปริมาณอาหาร จึงกินเยอะกว่าปกติ และอาจทำให้อยากของหวานมากขึ้นด้วย แถมการนั่งหน้าจอตลอดเวลาโดยไม่ลุกไปไหน ยังไปขัดขวางการทำงานของลำไส้ อาหารที่กินเข้าไปจึงย่อยยาก การอ่านหนังสือขณะกินอาหารก็ให้ผลไม่ต่างกันค่ะ



ดื่มน้ำเย็นระหว่างมื้อ น้ำเย็นจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของกระเพาะทำให้อาหารไม่ย่อย และหมักหมม โอกาสที่กระเพาะและลำไส้จะติดเชื้อโรคก็มีมากตามไปด้วย ลองงดดื่มน้ำเย็นระหว่างมื้ออาหาร แต่หันมาจิบน้ำธรรมดาที่อุณหภูมิห้องแทน จะช่วยให้การกลืนอาหารง่ายขึ้นโดยไม่มีผลต่อกระเพาะแต่อย่างใด



กินแป้งเยอะ โดยเฉพาะแป้งขัดขาวที่ย่อยยาก จึงหมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้นานจนเกิดเป็นแก๊สจึงทำให้ท้องอืด แก้ไขได้โดยเพิ่มผักลงไปในมื้ออาหาร ใยอาหารจะช่วยให้ขับถ่ายส่วนเกินออกไปได้โดยไม่ตกค้าง



กินไปคุยไป การสนทนาในวงอาหารช่วยเพิ่มรสชาติและมิตรภาพได้ แต่อย่าลืมว่าขณะพูดเท่ากับคุณได้กลืนลมลงท้องด้วย ทำให้เกิดแก๊สในร่างกายมากโดยไม่จำเป็น แถมการคุยเพลินยังส่งผลให้เคี้ยวไม่ละเอียด เมื่ออาหารหยาบไปเจอแก๊สในกระเพาะแล้วยิ่งพาลย่อยยากไปใหญ่ เป็นสาเหตุของอาการท้องอืด ท้องเฟ้ออาหารไม่ย่อยไงล่ะ



เรื่องเล็กๆ แต่ส่งผลเสียมหาศาล ลองลดความเสี่ยงอาหารไม่ย่อยเพื่อสุขภาวะทางโภชนาการที่ดีด้วยกันไหมคะ






ที่มา : healthandcuisine

47  สุขใจในธรรม / บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม / อานิสงส์มหาศาล...จากการสวดมนต์ เมื่อ: 03 มีนาคม 2554 09:53:36


พุทธศาสนิกชนทุกคนคงคุ้นเคยกับการ “สวดมนต์” แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าการสวดมนต์มีอานิสงส์ผลดีอย่างไรบ้าง วันนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ

พระเทพคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร กล่าวว่าการสวดมนต์ถือว่าเป็นพุทธานุสติให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พร้อมน้อมนำหลักคำสอนมาปฏิบัติปฏิบัติตาม นอกจากนี้ช่วยให้จิตใจสงบ ยังเป็นที่พึ่งทางใจ และทำให้จิตเกิดพลัง โดยเฉพาะหากเป็นการสวดมนต์วันปีใหม่จะถือว่ามีความเป็นสิริมงคลเป็นอย่างยิ่ง


พระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กล่าวว่า สวดมนต์ ช่วยรักษาโรคเครียด หากเปรียบร่างกายมนุษย์เป็นคอมพิวเตอร์ การสวดมนต์ก็คือการป้อนข้อมูลที่ไม่มีไวรัสเข้าไป ทำให้ระบบต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้น บทสวดมนต์ที่แนะนำ คือ “บทพาหุง” ซึ่งจะช่วยปกป้องจากอันตราย และบทโพชฌงคสูตร เพื่อช่วยให้ร่ายกายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ


พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเลขานุการ สำนักงานส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กล่าวถึงอานิสงส์ของการสวดมนต์ว่า ทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่า การสวดมนต์ ช่วยคุ้มครอง ปกปักษ์รักษาจากอันตราย การสวดบทอิติปิโส ซึ่งเป็นการบูชาพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ สามารถทำได้ทุกวัน ขณะที่การสวดมนต์รับปีใหม่นั้นมักนิยมสวดบทนพเคราะห์ เชื่อว่าจะเสริมดวงประจำวันเกิดของผู้ที่สวดได้


พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี
ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย กล่าวว่าบทสวดมนต์ทุกบท ล้วนเป็นแก่นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอานุภาพแตกต่างกันไป เช่น “บทกาลามสูตร” เป็นบทสวดเพื่อให้เกิดปัญญา “บทมงคลสูตร” เพื่อให้รู้ว่าอะไรเป็นมงคลแท้-เทียม แต่เหนืออื่นใด ผลของการสวดมนต์ ก็คือเมื่อสวดแล้วก็จะเห็นธรรม”


ขณะที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า การสวดมนต์จะช่วยเสริมปัญญา เป็นพุทธคุณ เกิดการตั้งมั่นนึกถึงสิ่งที่ดี ผู้สวดมนต์ ต้องสงบกาย วาจา ใจ มีสมาธิ ดังนั้นในช่วงคืนเข้าสู่ปีใหม่ เป็นโอกาสเริ่มต้นในการทำเรื่องดีๆ หากได้สวดมนต์ แทนการดื่มเหล้าเฉลิมฉลอง จะช่วยให้นึกถึงสิ่งดีๆ และช่วยให้ได้รับสิ่งที่ดีๆกลับมา



สวดมนต์...สวดได้ทุกวัน


การสวดมนต์ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกศาสนา แตกต่างที่พิธีการ ถ้อยคำเท่านั้น ซึ่งการสวดมนต์นอกจากจะเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัวแล้ว ยังเกิดประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะช่วยให้มี “ความจำดี ปัญญาดี”

การสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน วันละ 20 นาที ช่วยพัฒนาสมองด้านความจำ ทำให้มี “ความจำดี จำแม่น” เพราะเวลาที่ใจจดจ่อกับสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ช่วยให้เกิดสมาธิ ทำให้สมองส่วนความคิดปรับระบบภายใน เกิดพลังแห่งการคิด หรือเรียกง่ายๆ ว่า “การคิดเก่ง” นั่นเอง

คุณสมบัติ 2 ประการนี้ คือ “จำแม่น” และ “คิดเก่ง” เป็นองค์ประกอบสำคัญของการดำเนินชีวิต และการศึกษา เมื่อจิตใจสงบ ทำให้เกิดสมาธิ มีสติ และปัญญาในที่สุด ช่วยให้ เด็กๆ วัยรุ่น หรือ แม้แต่คนวัยอื่นๆ ที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ทั้งในการทำงาน การเรียน และการใช้ชีวิตอย่างมีสติ

ดังนั้น ขอให้ฝึกสวดมนต์เป็นประจำทุกวัน เด็กจะเรียนเก่งสมความปรารถนา ผู้ใหญ่วัยทำงาน ช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ จิตใจแจ่มใส มีความกระตือรือร้นในการทำงาน สำหรับผู้สูงอายุ ที่มักมีภาวะความจำเริ่มถดถอย การสวดมนต์ช่วยฟื้นฟูความจำได้อย่างอัศจรรย์

ในด้านจิตใจ การสวดมนต์ ยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน สงบเย็น ไม่มีใจคิดร้ายหรือเบียดเบียนผู้อื่น สร้างความเข้มแข็งความมั่นใจให้กับผู้สวดด้วย ช่วยให้สังคมไทยน่าอยู่ รื่นรมย์ ยิ่งขึ้น
48  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / Re: อัดถั่วดำ คำนี้ใช้มากว่า 70 ปี และยังคงใช้อยู่ แต่ว่ามันมีที่มาอย่างไร มาดูกัน เมื่อ: 03 มีนาคม 2554 09:44:55
 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ummm ...i c

(บอกแล้วไง ว่าให้น้าแม็กสารภาพกับคุณพ่อคุณแม่ซะ  จะได้รู้ๆ กันไปเลย  *-*)
49  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / บุพเพสันนิวาส มีจริงหรือ เมื่อ: 03 มีนาคม 2554 09:32:37


สองคนนี้หน้าตาเหมือนกันจังเลยนะ สงสัยเป็นเนื้อคู่กัน

เรามักได้ยินคำพูดทำนองนี้อยู่เสมอๆ

คนบางกลุ่มเคยร่วมกันทำกรรมหนัก เช่นร่วมกันฆ่าสัตว์ แม้อยู่กันคนละประเทศ กรรมก็อาจชักนำให้ไปเจอกันบนเครื่องบินลำเดียวกัน และก็ต้องประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกชดใช้กรรมพร้อมกันจนได้

บางคู่เคยชักชวนกันทำบุญทำกุศลร่วมกันอย่างนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อเกิดมา แม้แต่ละฝ่ายจะไปพบเจอคนที่หน้าตาดีหรือฐานะดีสักเพียงใด ก็ไม่มีทางที่จะยอมตกลงปลงใจแต่งงานหรือร่วมชีวิตคู่กับใครสักที จะยังถนอมรักษาความโสดของตัวเองไว้ จนวันหนึ่งได้มีโอกาสเจอะเจอเนื้อคู่ที่เคยทำบุญร่วมกันมาก่อน ก็จะเกิดรักแรกพบ แล้วได้แต่งงานกันอย่างง่ายดายและราบรื่นไร้อุปสรรค

สิ่งที่ทุกคนสงสัยคือ ทำอย่างไรจึงได้มาเป็นเนื้อคู่กัน

คำว่าเนื้อคู่มี 2 ลักษณะ

เนื้อคู่แบบที่ 1 ต้องเคยทำบุญร่วมกัน หมายถึงเมื่อแต่งงานหรืออยู่กินกันแล้ว
ได้นำทรัพย์ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันไปทำทาน โดยความยินยอมพร้อมใจอนุโมทนาบุญของทั้งสองฝ่าย และกระทำบ่อยๆหรือมากๆ จนเกิดเป็นบุญที่มีความแรง มีอานุภาพมากพอ เมื่อเกิดใหม่จะชักนำดลบันดาลให้ทั้งคู่ได้มาพบกันเพื่อใช้บุญและรับผลบุญในช่วงเวลาเดียวกันโดยมาเจอะเจอกัน เป็นคู่ชีวิตกันอีก และเมื่ออยู่ด้วยกัน ชีวิตคู่ก็จะประสบความสำเร็จในการงานมากกว่าตอนที่อยู่ลำพังคนเดียว ยังไม่ได้แต่งงาน เนื้อคู่ลักษณะนี้ เนื้อคู่ลัษณะนี้ เพียงไม่นานหลังแต่งงาน ก็จะเปลี่ยนชนิดความรู้สึกที่มีต่อกัน จากแบบคนรัก กลายเป็นความนับถือชื่นชมยกย่องในความดีงามของกันและกัน คล้ายเพื่อนที่แสนดี มีความรักที่บริสุทธิ์ต่อกัน ไม่ค่อยมีความรู้สึกทางความใคร่ ความลุ่มหลง หึงหวงต่อกันมากนักและจะชวนกันสร้างแต่บุญกุศล สร้างความดีเรื่อยไป

เนื้อคู่แบบที่ 2 เกิดจากการที่ชายหญิงคู่หนึ่งในอดีต ขณะกำลังลุ่มหลง ตกหลุมรักซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ ได้ทำบุญใหญ่ก้อนหนึ่งร่วมกัน เสร็จแล้วทั้งคู่ต่างอธิษฐานตรงกัน คือมุ่งหวังด้วยใจเต็มร้อย ทั้งโดยการกล่าวถ้อยคำอธิษฐานออกมาตรงกัน และทั้งปรารถนาในจิตใต้สำนึกลึกๆ ต้องการให้บุญส่งผลให้ได้สิ่งที่ต้องการที่สุดในเวลานั้นคือ การได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันอีก เมื่อเวลาผ่านไปยาวนานจนประจวบเหมาะชาติใดชาติหนึ่งที่ทั้งคู่ มีโอกาสมาเจอกันอีก ก็จะตกหลุมรักกันและกันทันที และได้อยู่ด้วยกันรักกันอย่างลุ่มหลงอีกครั้งหนึ่ง แต่อาจจะไม่ค่อยชักชวนกันทำบุญอีกเลยก็ได้ เวลาส่วนใหญ่ของใจจะมัวแต่รัก หลง ห่วง หึง นั้นคืออิทธิพลกิเลสความหลงนำหน้าบุญนั้นเอง

ส่วนบางคู่ที่เป็น คู่กรรม คู่เวร คู่ล้าง คู่ผลาญนั้น แรงกรรมจะดึงดูดให้พบกันด้วยอานุภาพรุนแรงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน ต่างกันที่เมื่ออยู่ด้วยกัน ก็จะนำไปสู่สารพันปัญหา มีแต่ความทุกข์และเจ็บปวด จนกว่าจะหมดกรรมหรือกรรมเบาบาง และมีแรงบุญตามมาช่วยทันโดยเข้ามาเป็นกรรมการจับแยก จึงจะเลิกราจากกันได้ ลักษณะนี้ไม่ใช่เนื้อคู่และไม่ใช่บุพเพสันนิวาส แต่เป็นบุพเพอาละวาด

บางเนื้อเพลงแต่งไว้ว่า เพราะเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันจึงได้มาเป็นเนื้อคู่กัน นั้นก็อาจจะเป็นเรื่องจริงสำหรับคนไทยในสมัยก่อนซึ่งนิยมตักบาตรทุกเช้าเป็นระยะเวลายาวนานหลายๆปี หลายร้อยหลายพันขัน แต่อาจจะเป็นไปได้ยากในยุคไอทีนี้ ซึ่งนานๆจึงจะมีโอกาสตักบาตรสักครั้งหนึ่ง และไม่ใช้ขันเป็นภาชนะบรรจุข้าวแบบเดิมแล้ว เพราะนิยมซื้ออาหารชุดสำเร็จในถุงพลาสติกและต่างคนต่างกันหยิบใส่ ด้วยเหตุผลที่ว่า คู่ชายหญิงที่เคยร่วมสร้างบุญกันมา เมื่อเวลาที่จะได้บุญ จะได้เท่าๆกันแบบหารสอง เพราะฉะนั้นเวลาบุญส่งผมเป็นรูปทรัพย์ ก่อให้เกิดความสวยหล่อ ก็จะเกิดแก่กันทั้งคู่เท่าๆกัน ดังนั้นหากทำคู่ใดทำบุญร่วมกันบ่อยๆหลายๆภพหลายๆชาติ ก็จะได้ความงามบนใบหน้าที่ถูกหล่อหลอมแบบเชิงคู่ ซึ่งเกิดสั่งสมทีละเล็กทีละน้อยมากชาติเข้า จนทำให้มีใบหน้าคล้ายคลึงกันได้

ดังนั้นเป็นเรื่องที่รู้กันว่า หากคู่แต่งงานที่มีหน้าตาคล้ายกันมักจะเป็นเนื้อคู่กันจริง


(อ้างอิงจากหนังสือ รู้บุญ ชีวิตรุ่ง ของ นายแพทย์ อรรคเดช นนทะโชติ)
50  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปรษณีย์ / Re: ทุกข์ 12 อย่าง ใครเคยเจอบ้าง:เฮฮา..ภาษาเหนือ กำเมืองๆๆ เมื่อ: 02 มีนาคม 2554 23:05:40
 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น



51  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / จะทำอย่างไรดีเมื่อเผชิญหน้ากับกรรม... เมื่อ: 01 มีนาคม 2554 23:41:05


อนึ่งการเผชิญภาวะต่างๆนั้นคือ " กรรมเก่า "

การตัดสินใจเลือกการตอบสนองนั้นคือ" กรรมใหม่ "


ตัวอย่างเช่น

                นายดำเคยประทุษร้ายบุคคลผู้ไม่ผิดแต่กาลก่อน มาในบัดนี้กรรมนั้นทำให้นายดำถูกประทุษร้ายโดยไม่ผิด เมื่ออยู่ในภาวะเผชิญเช่นนี้ นายดำสามารถเลือกตอบสนองได้ 3 วิธีคือ


1. วางเฉย


ก็เป็นอันว่าได้รับผลกรรมแล้ว กรรมนั้นก็สิ้นสุดลง

2. ประทุษร้ายตอบ

ก็เป็นอันว่ารับกรรมเก่าและก็สร้างกรรมดำใหม่ขึ้นอีก
ในกาลต่อไปก็จักโดนประทุษร้ายอีกแน่นอน

3. อภัยและเมตตา

ก็เป็นอันว่ารับกรรมเก่าแล้ว ก็สร้างกรรมขาวใหม่ขึ้น
ในกาลต่อไปศัตรูนั้นก็จักกลายมาเป็นมิตร
 
พระพุทธองค์ตรัสว่า " หว่านพืชเช่นไร ก็ได้รับผลเช่นนั้น "

เพราะฉะนั้นต่อไปภายภายหน้าหากเราเกิดโมโหเพราะมีคนดูถูกเรา ก็จงย้อนระลึกนึกถามตัวเองก่อนว่า

               " เราเคยดูถูกคนอื่นบ้างไหม? " และควรจะบอกกับตัวเองว่า " สิ่งที่เราได้รับอยู่นี้เป็นผลจากการกระทำที่ไม่ดีของเราในอดีต เราควรยอมรับเคราะห์กรรมนี้โดยไม่เคืองแค้นใครๆ เมื่อมันผ่านพ้นไปก็คือ เราได้ชดใช้หนี้กรรมของเราให้หมดไปครั้งหนึ่ง "


แท้จริงแล้วการที่เราทำอย่างนี้ ไม่เพียงแต่ชดใช้หนี้กรรมเท่านั้น แต่เรายังได้พิจารณาอุปนิสัย

มีความอดกลั้นแลฝึกหัดระงับอารมณ์ของเราด้วย ......






ขอขอบคุณที่มาจาก...

บทของกรรมในตอนหนึ่งจากหนังสือพระไตรปิฎกฉบับพิเศษ ธรรมธาตุ ธรรมชาติ แห่งสรรพสิ่ง

52  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / เหลือเชื่อเปรตในร่างมนุษย์ โดย ท.เลียงพิบูลย์ เมื่อ: 01 มีนาคม 2554 23:31:41



มนุษย์เราเกิดมาในโลกนี้มีอิสระ ทั้งการสร้างกรรมดี และกรรมชั่ว อย่าคิดว่าเราต้องมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์เป็นประจำตลอดไป ไม่รู้แก่ ไม่รู้เจ็บ ไม่รู้ตาย อย่าคิดว่ากรรมนั้นไม่มีจริง หรือไม่สามารถจะติดตามมาสนองเราเมื่อปลายมือ

                     ดังจะนำตัวอย่างชีวิตเกิดขึ้นสมัยก่อนของผู้หญิงผู้หนึ่ง ต้องชดใช้หนี้กรรม นอนทนทุกข์ทรมาน หญิงผู้นี้ไม่มีอาหารตกท้องเป็นเวลาประมาณ ๖ เดือนแล้วไม่รู้ว่าชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไร เมื่อ ก่อนที่หญิงผู้นี้จะล้มหมอนนอนเสื่อ รูปร่างอ้วนเจ้าเนื้อ แต่อยู่ ๆ ก็เป็นโรคอยากกินอะไรอยากกินจนใจจะขาด แต่ก็กินไม่ได้ ของดี ๆ ก็กลืนไม่เข้า กลืนไม่ลงคอมันตีบน้ำก็หยอดไม่ลง หญิงผู้นี้ได้เริ่มป่วย ญาติพี่น้องก็รีบหาหมอที่มีชื่อมารักษา แต่หมอก็ไม่สามารถจะชี้ให้แจ้งชัดลงไปได้ว่าเป็นโรคอะไร เพราะไม่พบสาเหตุของโรค

                    หมอตรวจดูทุกส่วนทางร่างกายอย่าง ละเอียดถี่ถ้วนก็ปกติ ผิดแต่อยากกินอาหารแต่กินไม่ได้ เมื่อไม่มีอาหารตกถึงท้อง แม้หมอพยายามรักษาก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ ระยะป่วยร่างกายก็ยุบลง รูปร่างที่เคยอ้วนใหญ่เจ้าเนื้อสมบูรณ์ก็ค่อย ๆ ผอมลง เพราะอาหารไม่ได้ตกถึงท้องเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายน้ำหนักตัวก็ลดลง ในระยะ ๖ เดือน รูปร่างก็เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก มันทรมานชีวิตหญิงผู้นี้อย่างสาหัส บางคนก็บอกว่าเป็นโรคประสาท ผู้รู้เรื่องดีก็ว่าโรคบาปกรรม รักษายาก ถ้าปัจจุบันนี้หมอคงให้อาหารทางร่างกาย คงจะต้องทรมานอีกนาน

                     ท่านผู้ให้เรื่องเรื่องนี้กับ ข้าพเจ้า ท่านอาจารย์คุณหญิงระเบียบ สุนทรลิขิต ท่านเป็นผู้รู้เรื่องนี้ดีนับแต่เริ่มต้นจนอวสาน แม้จะเป็นเรื่องเก่าแต่ก็มีสิ่งน่าคิดท่านได้กรุณาเล่าว่า หญิงผู้นี้สมัยก่อนยากจน เป็นแม่ครัวอยู่กับหญิงสูงอายุ มั่งคั่ง และสูงศักดิ์ท่านหนึ่ง เป็นผู้ใจบุญ มีความศรัทธา สร้างกุศลได้ใส่บาตรพระสงฆ์ทุกเช้าจำนวนร้อยรูป และได้มอบเงินให้แม่ครัวจับจ่ายอาหารมาทำกำชับว่าต้องการอาหารชั้นดีมาใส่ บาตรเช้า ถูกแพงเท่าไหรเท่ากัน หวังจะให้พระได้ฉันอาหารดี ๆ ทุกวันคอยเปลี่ยนอย่าให้ซ้ำ พระท่านจะเบื่อ ไม่สนใจเรื่องเงินทองค่าใช้จ่าย แม่ครัวก็ตกปากรับคำ ว่าจะจัดอาหารดี จะไม่ซ้ำให้พระท่านเบื่อ ที่สุดนายจ้างก็ไว้เนื้อเชื่อใจ แม่ครัวจะเบิกเงินค่าอาหารใส่บาตรวันละเท่าไหร่ก็มอบให้ไปไม่เคยทักท้วง แรก ๆ แม่ครัวก็จัดการเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยักยอกเบียดบังค่าอาหารใส่บาตรพระบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก

                    ต่อมาเมื่อชิน นานเข้าก็ได้ใจ เท่าที่ยักยอกไว้ได้ยังน้อยไป ก็นึกว่าของอยู่ในห่อไม่มีใครรู้เราจะทำอะไรก็ได้ จิตใจอกุศลก็เพิ่มขึ้น เริ่มทำอาหารถูก ๆ แล้วก็เบิกเงินนายจ้างว่าอาหารดีราคาแพง ๆ มาใส่บาตร นายจ้างพาซื่อ คิดว่าตัวเป็นคนซื่อ ใจบุญ คนอื่นก็คงจะเหมือนตนก็หลงไว้วางโจ ก็มอบเงินทองค่าอาหารให้ตามคำเรียกร้อง และสิ่งอื่น ๆ เวลาผ่านไปเป็นปี ๆ จนหญิงผู้นี้ยักยอกเงินทองจนเกิดมังคั่งขื้นมา มีที่ดินปลูกบ้าน ลูกหลานมีเพชรมีทองใส่ร่ำรวย เพราะส่วนมากก็เบียดบังค่าอาหารใส่บาตรทุกเช้าประจำ สิ่งที่ใส่บาตรห่อเรียบร้อย เช้า ๆ ทุกวัน ก็คือถั่วงอกผัดน้ำมันราคาถูก ๆ จะมีสามสี่ห่อที่ไว้แก้หน้า เมื่อนายจ้างสงสัย ทำให้เหลือไว้ให้นายจ้างดูได้รู้ได้เห็นว่าอาหารชั้นดีราคาแพง เพื่อให้ถูกอกถูกใจ แม้คนในบ้านจะรู้ ก็ไม่กล้าว่ากล่าวฟ้องร้องนายแต่อย่างใด

                    นี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้หญิงแม่ครัว มั่งคั่งขึ้น แต่บัดนี้กำลังได้รับทุกข์ทรมาน ไม่รู้เมื่อใดจะสิ้นสุดลงในโลกมนุษย์ และทั้งต้องไปรับใช้หนี้กรรมความโลภอีกภพหนึ่ง จนกว่าจะสิ้นกรรม โรคบาปกรรมในปัจจุบันก็คืออยากกินแต่ก็กินไม่ได้ บางครั้งอยากกินเหลือเกิน จนร้องไห้แต่เหมือนเป็นโรคคอตัน แม้แต่น้ำก็หยอดไม่ลง คิดว่าอาหารใส่บาตรเช้า ๆ ที่พระมารับบาตรประจำวันก็มีถั่วงอกผัดน้ำมัน และจากนั้นก็น้ำเปล่าผัดถั่วงอก ความจริงก็อย่างเดียวกันเป็นประจำวัน พระท่านจะชอบ หรือไม่ชอบ เมื่อเขาศรัทธาก็ต้องรับไว้ฉันทั้งผัดเอาไว้มาก ๆ ค้างคืนค้างวันจนถั่วงอกบูดเสียก็ยังใส่บาตร และไม่สนใจว่าพระจะฉันได้หรือไม่

                   พระที่ท่านบรรลุธรรมชั้นสูงแล้ว ท่านก็ไม่สนใจในอาหาร เพราะท่านฉันไม่ได้ติดรสอาหาร ท่านฉันเพื่อให้สังขารอยู่เท่านั้น หรือเรียกว่า ท่านกินเพื่ออยู่ แต่พระที่ท่านยังปลงไม่ได้ ที่ท่านยังมีความรู้สึกในรสอาหาร เพราะท่านอยู่เพื่อฉัน ยังมีกิเลสท่านก็คงฉันอาหารบูดไม่ลง และฉันทุกวัน ก็เหม็นเบื่อ นี่แหละกรรมที่ได้เบียดบังยักยอกเงินที่มีอำนาจจิตศรัทธา เพื่อสร้างกุศลทำของดี ๆ ถวายพระกลับเป็นของเลว ๆ ผิดความเจตนาของผู้ศรัทธาตั้งใจจริง ก็นับว่าบาปหนัก ฉะนั้น ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า เพียงชาตินี้กรรมก็ตามสนองเห็นทันตาแล้ว อาจารย์หญิงท่านบอกว่า ยังไม่ทันตายก็เป็นอสุรกาย หรือเปรตในร่างมนุษย์ พระอรหันต์โปรดไม่ถึง แม้แต่อยากน้ำก็ดื่มไม่ได้ เพราะกรรมชั่วที่ตัวได้สร้างไว้ตามสนอง

                  เมื่อข้าพเจ้าได้รับเรื่องนี้จากท่าน อาจารย์ คุณหญิงที่เคารพนับถือแล้วมาพิจารณาดูก็จะเห็นได้ว่า ชีวิตแต่ละบุคคลไม่ว่าชายหญิงเมื่อสร้างกรรมไว้แล้ว หากมีผู้รู้เห็นใกล้ชิดตลอดมาในชีวประวัติแล้ว จะเห็นได้ว่ากรรมใดผู้นั้นสร้างไว้ก็จะติดตามมาสนอง เมื่อใกล้จะจากโลกนี้ไปต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อรู้ตัวว่าผิดบางครั้งก็สายเกินไป บางครั้งก็ยังมีเวลากลับใจหญิงผู้นี้กำลังรับกรรม และแม้จะมั่งมีเงินทองเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาผู้ที่รักษาโรคบาปกรรมให้หายได้

                    เงินทองที่ได้มาโดยไม่สุจริต เบียดเบียน หรือเบียดบังทางทุจริต จิตโลภ ทำให้พระสงฆ์ได้รับความเดือดร้อน เป็นต้นเหตุ แห่งกรรมตามสนอง เมื่อตัวจะตายแม้จะมีทรัพย์สินมากมายเพียงใดก็ขนเอาไปไม่ได้ ซ้ำกลับเป็นโทษหากมีนรกก็ต้องไปเสวยทุกข์อยู่ในขุมนรก เป็นเปรต อสุรกาย ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส อยากกินอะไรก็กินไม่ได้ เพราะกรรมชั่วตามที่ตนได้สร้างไว้ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ในเมืองมนุษย์กว่าจะสิ้นสุดกรรม

                    ฉะนั้น ผู้มีปัญญามีสติจึงไม่คิดประมาท ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ออกนอกขอบเขตของวงศีลธรรม ถือศีล ปฎิบัติธรรม ไม่ใช้เวลาชีวิตปัจจุบันอย่างสุรุ่ยสุร่ายไปในทางผิดคิดมิชอบ อย่าอยู่นอกเขตของวงศีลธรรม จะทำให้จิตใจห่อหุ้มไปด้วยกิเลสตัณหา มัวเมา มืดมน แสงสว่างของธรรมไม่สามารถส่องเข้าไปถึง ชีวิตจิตใจก็มีแต่ความเศร้าหมอง หวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา กรรมตามสนองย่อมทำลายอนาคตตนเอง ทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล และเป็นตัวอย่างชั่วให้อนุชนรุ่นหลัง ทำลาย ความดีงามของชาติ และศาสนา ดังตัวอย่างของหญิงผู้เป็นโรคบาปกรรม ที่มองเห็นไดัชัดเจนอย่างเงาบนกระจก

                     ฉะนั้น หากท่านได้พิจารณามิใช่อ่านแล้วผ่านไป คิดว่าไม่เป็นเรื่องไร้สาระก็คงจะได้ประโยชน์ทางใจบ้าง ระยะ ๖ เดือนก่อนจะตาย อยากกินอาหาร อยากดื่มน้ำ แต่ตนเองได้กลายเป็นเปรตอสุรกายไปแล้ว อย่างโบราณบอกว่าปากเท่ารูเข็ม พอจิตดับก็ดึงไปสู่นรก คงจะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วกัลป์กว่าจะสิ้นสุด

กรรมครั้งนี้...ร้ายนัก...กรรมหนักยิ่ง
เรื่องของหญิง...แม่ครัว...ใจชั่วช้า
เธอเบียดบัง...ค่าอาหาร...ตลอดมา
ไม่นำพา...บาปบุญ...มาสู่ตน
ยิ่งอาหาร...ถวายพระ...พิสุทธิ์ยิ่ง
ของทุกสิ่ง...เขาอธิษฐาน...การกุศล
ต้องเจ็บป่วย...เป็นโรคร้าย...ผิดผู้คน
กรรมส่งผล...รับเวร...เห็นทันตา



โดย ท.เลียงพิบูลย์ : จากหนังสือกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี-ทำชั่วได้ชั่ว เล่ม ๓


53  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / 8 วิธี ขจัดเสียงกรน เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2554 23:20:01



โรคนอนกรนถือว่าไม่เป็นเรื่องธรรมดาอีกต่อไป เพราะเป็นโรคที่อันตรายระดับหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด อัมพาต ตลอดจนทำให้มีปัญหากับคนใกล้ชิด และอาจจะทำให้เกิดการหยุดหายใจขณะหลับ ส่งผลทำให้เสียชีวิตเลยก็ว่าได้ ดังนั้นวันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ นำไปปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากโรคนี้กัน


1. ควบคุมน้ำหนัก และควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารหนักๆ ในช่วง 3 ชั่วโมงก่อนนอน เป็นไปได้ควรกินอาหารเบาๆ จำพวกซุปร้อนๆ เช่น ซุปมิโซะ ซุปฟักทอง ซุปข้าวโพด หรือกล้วยน้ำว้าสัก 1-2 ผล



2. ออกกำลังกาย เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อที่ดึงรั้งช่องทางเดินหายใจมีความแข็งแรงขึ้น ขณะที่นอนหลับเนื้อเยื่อภายในปาก จะได้ไม่หย่อนลงมาจนขัดขวางช่องทางเดินหายใจ



3. จัดท่านอน เพื่อป้องกันการหายใจทางปาก
โดยการนอนตะแคงงอข้อศอก เพื่อให้มือข้างหนึ่งยันคางไว้เป็นการปิดปาก หรืออาจใช้หมอนหนุน หลังเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้พลิกมานอนหงาย หรือจะลองใช้ลูกเทนนิสสอดไว้ในเสื้อนอนด้านหลัง ความไม่สบายนี้ จะช่วยเตือนให้คุณหลับในท่าตะแคงได้โดยตลอด และยกศีรษะให้สูงขึ้น ถ้านอนตะแคงไม่ได้จริงๆ ให้นอนหงายแล้วใช้หมอนเล็กๆ หนุนที่บริเวณหลังคอด้านบน ยกศีรษะให้สูงจากเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นหย่อนลงไปในลำคอ จนเกิดเสียงกรนได้



4. รักษาที่นอนให้สะอาด พยายามกำจัดปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิดหอบหืด ภูมิแพ้ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการกรน เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์และพยายามอย่าให้มีขี้มูกก่อนนอน จะช่วยให้ช่องจมูกเปิดโล่ง ลมเข้าออกได้อย่างสะดวก



5. เพิ่มระดับความชื้นในห้องนอน เพราะการนอนในห้องที่มีความชื้นต่ำมาก อากาศภายในห้องจะแห้ง ทำให้เยื่อบุต่างๆ ในระบบทางเดินหายใจพลอยแห้งตามไปด้วย บางรายอาจเกิดอาการบวม และทางเดินหายใจตีบแคบลง จนเกิดอาการนอนกรนในที่สุด



6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยาที่มีฤทธิ์ที่ทำให้ง่วงซึม โดยทั่วไปแล้วเมื่อเกิดภาวะขาดออกซิเจน สมองและกล้ามเนื้อต่างๆ จะสั่งงานให้ร่างกายตื่นขึ้น



7. ดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ ก่อนนอน การนอนกรนส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะนอนหลับไม่สนิท ดังนั้น เพื่อการนอนหลับสนิทจนถึงเช้า ลองดื่มนม น้ำผึ้ง ผสมน้ำอุ่น หรือน้ำสมุนไพรอุ่นๆ สักแก้วดูนะคะ น่าจะช่วยลดปัญหาได้



8. รับประทานสมุนไพร อย่างหอมแดงแก่จัด พริกขี้หนู ใบแมงลักและขิง เพราะสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยทำให้ช่องทางเดินหายใจโล่ง ลดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบหลอดลม และช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีสะดวกขึ้น ปัญหาการกรนอาจลดลงได้



 



ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ

54  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ไปรษณีย์ / Re: จ้าวแห่งการก๊อปปี้ เขาคือใคร มาดูกัน (ของก๊อบ บางรายการดูดีกว่าของเดิมอีก) เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2554 23:07:13
 ตลก

ต้องเรียกว่า เค้าพัฒนาต่อยอดให้ดีขึ้นกว่าเดิมต่างหากล่ะค่ะน้าแม็ก
แต่เค้าก็เก่งจริงๆ ๆ นะ

55  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / Re: วิธีบอกพ่อแม่ว่าเป็นเกย์ เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2554 22:57:57
 อายจัง

จริง ๆ หลานชายเป็นพวกแอบๆ ล่่ะ ถ้าอยู่ที่บ้านเค้าจะทำตัวแมนสุดๆ
พอมาหาเราที่บ้านหรือออกไปข้างนอกกันเมื่อไหร่  เค้าจะออกอาการได้เต็มท่ี่
เห็นแล้วรู้สึกสงสาร  อยากให้เค้าบอกพ่อแม่ซะที จะได้อยู่บ้านอย่างมีความสุขหน่อย
ก็เลยลองช่วยคิดหาวิธี  มาเจอคลิ๊ปนี้หัวเราะซะเมื่อยแก้มเลยเรา น่ารักไปอีกแบบ
นะคะ น้าแม็ก  ลองเอาไปใช้ดูได้นะคะ *-*
56  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / วิธีบอกพ่อแม่ว่าเป็นเกย์ เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2554 23:15:37

วิธีบอกพ่อแม่ว่าเป็นเกย์




 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
57  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / วีธีดับทุกข์ในใจด้วยธรรมะ เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2554 22:38:34



ข้อคิดดีๆ ลองนำไปใช้ปฏิบัติกัน ใจจะเป็นสุข


1. อย่าเป็นนักจับผิด

คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก'
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี 'แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข'


2. อย่ามัวแต่คิดริษยา

'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน' คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอนความริษยาออกจากใจเรา
เพราะไฟริษยาเป็น 'ไฟสุมขอน' เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา'


3. อย่าเสียเวลากับความหลัง

90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น' เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ
ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ 'อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน
'อยู่กับปัจจุบันให้เป็น' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
'ตัณหา' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ
ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม' ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม
เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู เป็นต้น
เราต้องถามตัวเองว่า เกิดมาทำไม' 'คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน 'ตามหา 'แก่น' ของชีวิตให้เจอ
คำว่า 'พอดี' คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี' รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'

ธรรมะโดยท่าน ว.วชิรเมธี

58  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / Re: สุขใจชวนชิม : ข้าวหมาก 100 ปี การันตีมาแต่รุ่นยายทวด อร่อยจังไอ้หลานเอ้ย ! เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2554 21:48:42
 หัวเราะลั่น

ข้าวหมกไก่พระประแดงไง อร่อยอย่าบอกใครเชียว *_*

เย้ยยย........... วันเดอร์พาหลงทางครับพี่น้อง
คือว่า ....แอบไปซื้อลูกแป้งผสมข้าวหมากมา
(แต่ว่ายังไม่มีเวลาทำล่ะค่ะ  ไว้เดี๋ยวสบโอกาสเหมาะจะลองทำแล้วก็ถ่ายรูปส่งมาให้
พี่น้องชาวสุขใจชิมนะคะ *_*)
59  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / Re: ข้าวแช่ อาหารไทยหน้าร้อน เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2554 21:43:48
 (:fall:)เคยลองทาน แต่รู้สึกไม่ค่อยอร่อย  สงสัยจะทานไม่เป็นแน่ๆ เลยค่ะพี่หนุ่ม
ร้านไหนอร่อย ๆ  ช่วยชี้แนะหน่อยนะคะ  จะลองอีกทีเผื่อจะทานเป็นกะเค้าบ้าง
60  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / Re: รามเกียรติ์ อนิเมชั่น สนุกในแบบไทย ลองดูแล้วจะชอบ เมื่อ: 25 กุมภาพันธ์ 2554 22:23:56
 หัวเราะลั่น
ขอบคุณ WONDERMAY นะคะ สำหรับข้อมูล

คนเขียนเค้าเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีมากทีเดียวนะคะ 
ไม่รู้ใช้โปรแกรมอะไรเขียน  เนียนมาก ลายเส้นเยอะแยะแต่ก็คมชัดดีมากเลยล่ะค่ะ

เสียดายๆ  งบไม่พอภาคต่อ  หน่วยงานของรัฐน่าจะหันมาสนับสนุนผลงานดีดีแบบนี้
เหมือนที่น้าแม็กว่าแหละนะคะ  คนไทยเก่งๆ จะได้ใช้ความรู้ความสามารถได้อย่างเต็มที่กว่านี้
หน้า:  1 2 [3] 4 5 ... 9
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.164 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 01 เมษายน 2566 08:14:23